นนทบุรี 9 ก.ค. – พาณิชย์ตรวจสอบ 2 บริษัทนำเที่ยวเรือล่ม จ.ภูเก็ต พบจดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบเชิงลึกเข้าข่ายนอมินีหรือไม่
นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์เรือนำเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ต มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้ความสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ และมีความเป็นห่วงนักท่องเที่ยวและลูกเรืออย่างมาก จึงได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานะของบริษัทนำเที่ยวทั้ง 2 บริษัท
ทั้งนี้ เบื้องต้นกรมฯ ตรวจสอบสถานการณ์จดทะเบียนจัดตั้งของ 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัด และบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด มีรายละเอียด ดังนี้ บริษัท เลซี่ แคท ทราเวล จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2557 ทุนจดทะเบียน 16 ล้านบาท สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 89/13 หมู่ที่ 6 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ประกอบกิจการนำเที่ยว รวมทั้งธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเที่ยวทุกชนิด มีนางสาวอัญชลี วิทยานันทพรกุล เป็นกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย นางสาวอัญชลี วิทยานันทพรกุล ถือหุ้น 48,000 หุ้น (ร้อยละ 30) นายวิทยา ชัยธาวุฒิ ถือหุ้น 33,600 หุ้น (ร้อยละ 21) และบริษัท เลซี่แคท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประเทศจีน ถือหุ้น 48,000 หุ้น 78,400 หุ้น (ร้อยละ 49) โดยปี 2559 กำไร 64,684.12 บาท ปี 2560 กำไร 1,280,408.70 บาท
ส่วนบริษัท ทีซี บลู ดรีม จำกัด เจ้าของเรือนำเที่ยวฟีนิกซ์ จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2559 ทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท สำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ 43/84 หมู่ที่ 5 ตำบลราไวย์ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ประกอบกิจการรับจองทัวร์ ห้องพัก โรงแรม นำเที่ยว มีนางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล เป็นกรรมการบริษัท ผู้ถือหุ้นประกอบด้วย นางสาววรลักษณ์ ฤกษ์ชัยกาล ถือหุ้น 39,000 หุ้น (ร้อยละ 97.50) นางยินดี ฤกษ์ชัยกาล ถือหุ้น 500 หุ้น (ร้อยละ 1.25) และนายจักรพันธ์ ฤกษ์ชัยกาล ถือหุ้น 500 หุ้น (ร้อยละ 1.25) โดยปี 2559 ขาดทุน 13,114.79 บาท ปี 2560 กำไร 252,422.13 บาท
นางกุลณี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น พบว่าทั้ง 2 บริษัทจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทถูกต้องตามกฎหมาย มีวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจนำเที่ยวถูกต้อง โดยขั้นตอนต่อไป กรมฯ จะลงพื้นที่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจท่องเที่ยว กรมการท่องเที่ยว กรมสรรพากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานราชการในจังหวัดภูเก็ต ขยายผลตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกทุกกรณี รวมทั้งตรวจสอบว่าเข้าข่ายนอมินีหรือไม่ หากพบว่าเป็นนอมินีคนไทยถือหุ้นแทน รวมทั้งกรรมการบริษัทก็ต้องรับผิดด้วย ซึ่งจะมีความผิดโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลต้องระวางโทษปรับวันละ 10,000 – 50,000 บาท ตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ จึงขอเตือนผู้ประกอบการที่ต้องให้บริการเกี่ยวข้องกับคนหมู่มากให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหน่วยงานภาครัฐอย่างเคร่งครัด หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็จะสามารถช่วยลดความเสียหายได้อย่างมาก เช่นกรณีที่เกิดขึ้นเกิดจากการไม่เชื่อฟังคำเตือนของหน่วยงานราชการและไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรุนแรงและเสียหายต่อประเทศชาติ.-สำนักข่าวไทย