กฟน.เดินหน้าจัดระเบียบสายสื่อสารหน้ารัฐสภา

กรุงเทพฯ  15 ธ.ค. – นายชัยยงค์ พัวพงศกร ผู้ว่าการการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ร่วมกับนายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นผู้แทนจากกรุงเทพมหานคร (กทม.) พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้แทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมรวม 10 บริษัท ลงพื้นที่ดำเนินโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าบริเวณรัฐสภาจากแยกอู่ทองในถึงแยกการเรือน ระยะทางรวมทั้ง  2 ฝั่ง 800 เมตร


นายชัยยงค์  เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการสร้างภูมิทัศน์ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ทั้งนี้ กฟน. ในฐานะหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงมหาดไทย จึงได้ดำเนินโครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินซึ่งช่วยปรับสภาพภูมิทัศน์ของกรุงเทพมหานครให้มีความสวยงามอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพื้นที่นอกเหนือโครงการปรับเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าใต้ดินนั้น กฟน.ยังได้ตระหนักถึงการแก้ไขปัญหาสายสื่อสารที่รกรุงรังและห้อยต่ำ ที่นอกจากจะส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่นคงของระบบไฟฟ้าที่เกิดจากอุบัติเหตุรถเกี่ยวสายสื่อสารจนทำให้เสาไฟฟ้าล้มแล้ว ยังทำให้เกิดปัญหาด้านภูมิทัศน์ที่มีสภาพไม่สวยงามอีกด้วย ซึ่งการดำเนินโครงการจัดระเบียบสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าจะเป็นการจัดระเบียบสายสื่อสารในบริเวณเส้นทางที่มีความสำคัญทั้งในด้านพื้นที่ทางเศรษฐกิจ และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ที่เป็นภาพลักษณ์ของประเทศ  เช่น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ที่บริเวณรัฐสภา กฟน.ได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร ในการตัดแต่งกิ่งไม้ที่ระแนวสายสื่อสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาลให้การสนับสนุนในด้านการแก้ไขปัญหาการจราจรไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่สัญจรผ่านในพื้นที่ดำเนินโครงการฯ เนื่องจากจะมีการจอดรถเพื่อปฏิบัติงาน รวมถึงผู้ประกอบการกิจการโทรคมนาคมต่าง ๆ  10 บริษัท ที่ช่วยดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารบริเวณรัฐสภา ฝั่งถนนราชถี ตั้งแต่บริเวณ แยกอู่ทองใน ถึงแยกการเรือนครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 – 15 ธันวาคม 2559 ซึ่ง กฟน.ได้ใช้วิธีจัดระเบียบด้วยการติดตั้งคอนไม้ขนาดความยาวประมาณ 1.8 เมตร โดยจะมีลักษณะการพาดสายในรูปแบบที่ กฟน. สามารถเก็บข้อมูลสายสื่อสารเส้นต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากพบสายสื่อสารที่มีการลักลอบพาดสายโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีความยาวเกินความจำเป็น และไม่ได้ใช้งานจะถูกนำออกจากเสาไฟฟ้า ซึ่งจะสามารถลดจำนวนสายสื่อสารบนเสาไฟฟ้าได้มากกว่าร้อยละ 50 จากในปัจจุบัน หลังจากที่ดำเนินงานบริเวณนี้เสร็จแล้ว จะเริ่มดำเนินการที่ ถนนลูกหลวง บริเวณทำเนียบรัฐบาล ระยะทาง 520 เมตร ซึ่งจะดำเนินการในวันที่ 16 – 23 ธันวาคม 2559


ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กฟน.ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ และผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคม ดำเนินการจัดระเบียบสายสื่อสารมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่ที่ดำเนินการจัดระเบียบไปแล้ว เช่น ถนนสุขุมวิท ถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 1 ถนนพระราม 3 ถนนพระราม 4 ถนนรามคำแหง ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนราชดำริ และถนนพญาไท เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันยังได้ดำเนินการเพิ่มในพื้นที่บางส่วนของ ถนนงามวงศ์วาน ถนนสารสิน ถนนสาทรเหนือ ถนนสาทรใต้ ถนนกาญจนาภิเษก และถนนราชดำเนินกลาง (สี่แยกคอกวัว) รวมระยะทางการดำเนินงานของ กฟน.จากปี 2557 ถึงปัจจุบันจัดระเบียบมาแล้วทั้งสิ้นกว่า 570 กิโลเมตร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คนขับแท็กซี่ตายคารถ กว่าจะรู้ผ่านไปหลายชม.

รถแท็กซี่จอดอยู่ป้ายรถเมล์ตั้งแต่เที่ยงจนถึงเย็น มีผู้โดยสารขึ้นรถ แล้วก็ลงมา แถมถูกบีบแตรไล่ จนพ่อค้าขายข้าวโพดต้มเข้าไปเรียกพบคนขับนอนคอพับเสียชีวิต

ถอนตัวWHO

“ทรัมป์” ลงนามในคำสั่งให้สหรัฐถอนตัวจากการเป็นสมาชิกอนามัยโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกล่าววานนี้ว่า สหรัฐจะออกจากการเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลก โดยเขาระบุว่า องค์การอนามัยโลกดำเนินการผิดพลาดในการรับมือกับโรคโควิด-19

พิตบูลขย้ำหัวพระ

“อเมริกันบูลลี่” ขย้ำหัวพระ-กัดข้อมือหาย มรณภาพคากุฏิ

สลด! หลวงพี่ เลขาเจ้าอาวาสวัด เลี้ยงอเมริกันบูลลี่ไว้ตั้งแต่เป็นลูกสุนัข ผ่านไปปีกว่า ถูกขย้ำหัวมรณภาพคากุฏิ ข้อมือขาดหายไป ยังหาไม่พบ

ข่าวแนะนำ

หนุ่มอุดรฯ ดวงเฮง ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ 45 ล้านบาท

สุดเฮง! หนุ่มอุดรฯ ถูกลอตเตอรี่เกาหลีใต้ รับเงินรางวัล 45 ล้านบาท ลูกสาวเผยพ่อเป็นคนชอบทำบุญ ก่อนหน้านี้เพิ่งโทรมาบอกให้ใส่บาตร เชื่อผลบุญหนุนโชคลาภ

สามีภรรยาจากอยุธยารับ “เจ้าจอร์จ” ไปดูแล

สามีภรรยาใจบุญจาก จ.พระนครศรีอยุธยา ขอรับ “เจ้าจอร์จ” สุนัขพันธุ์อเมริกันบูลลี่ ไปอุปการะแล้ว หลังกัดแทะร่างพระเจ้าของที่มรณภาพในกุฏิด้วยโรคประจำตัว

ดีเอสไออนุมัติสืบสวนคดีแตงโม คาดตั้งชุดเริ่มสืบได้ 27 ม.ค.นี้

อธิบดีดีเอสไอ อนุมัติให้สืบสวนคดีแตงโม ว่ามีการบิดเบือนกระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ และมีบุคคลหรือเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่ คาดเริ่มได้ 27 ม.ค.นี้