ก.คลัง 4 ก.ค. – คลังกู้เงินเอดีบีลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ระบบราง หลังเว้นช่วงมา 9 ปี ด้านคมนาคมเตรียมดันรถไฟทางคู่ 9 เส้นเข้า ครม.เร็ว ๆ นี้
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ลงนามในสัญญาเงินกู้กับนาย Ramesh Subramanian ผู้อำนวยการ สำนักงานผู้แทนธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ประจำประเทศไทย สำหรับโครงการก่อสร้างทางสายหลักเป็น 4 ช่องจราจร ทางหลวงหมายเลข 22 ช่วงอำเภอหนองหาน – อำเภอพังโคน ช่วงสกลนคร – นครพนม (กิโลเมตรที่ 180 – 213) และทางหลวงหมายเลข 23 ช่วงร้อยเอ็ด – ยโสธร (โครงการฯ) ของกรมทางหลวง รวมระยะทาง 124.9 กิโลเมตร ใช้วงเงินกู้ไม่เกิน 99.40 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,404 ล้านบาท จากเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,808 ล้านบาท เพราะใช้งบประมาณบางส่วนแล้ว
ทั้งนี้ เพื่อรองรับการขยายถนน 4 ช่องจราจรใน 3 เส้นทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อำนวยความสะดวกทั้งการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ทั้งถนน ระบบราง เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางไปประเทศเพื่อนบ้าน คาดว่าก่อสร้างเสร็จปลายปี 2562 โดยกระทรวงการคลังพร้อมเดินหน้าผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ร่วมกับกระทรวงคมนาคมอย่างต่อเนื่อง เพราะรัฐบาลวางยุทธศาสตร์พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานวงเงินรวม 2.3 ล้านล้านบาท แม้จะมีเปลี่ยนรัฐบาล แต่โครงการยังต้องเดินหน้าต่อให้สำเร็จตามแผน จึงไม่น่ามีปัญหาแต่อย่างใด
“ไทยเว้นช่วงการกู้เงินจากเอดีบีในรอบ 8-9 ปี การกลับมากู้ครั้งนี้ เพราะเสนอเบิกรับเงินกู้ทั้งก้อนมาบริหารความเสี่ยง เมื่อเปลี่ยนเป็นเงินบาทจะทำให้มีภาระใกล้เคียงกับกระทรวงการคลังออกพันธบัตร เมื่อบอร์ด เอดีบีเห็นชอบการกู้เป็นแบบเต็มจำนวนครั้งเดียว คิดดอกเบี้ยเงินกู้ LIBOR+0.5 ไทยจึงพร้อมกู้ในโครงการอื่นเพิ่มเติม ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม เส้นทางมีนบุรี- ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน” นายอภิศักดิ์ กล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเตรียมผลักดันโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 เพิ่มอีก 9 เส้นทาง เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในเร็ว ๆ นี้ เช่น โครงการเส้นทางบ้านไผ่-นครพนม เส้นทางเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ รองรับการเดินทางทั้งถนน เชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่ตามแผนที่กำหนดไว้ และยังผลักดันโครงการทางหลวงหมายเลข 24 เพื่อเชื่อมต่อการเดินทางจากตะวันออกไปยังตะวันตกให้ครอบคลุมทั้งอีสานตอนบน ตอนกลาง และอีสานตอนล่าง ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน.-สำนักข่าวไทย