หนองคาย 29 มิ.ย.-เสี่ยขนเงิน 30 ล้านบาท ใส่ถุงผ้า วางซ่อนในรถเบนซ์ ถูกศุลกากรหนองคายรวบคาด่านสะพานมิตรภาพไทย–ลาว คาดทำเป็นขบวนการลักลอบขนเงินออกนอกประเทศ ขณะเจ้าตัวสารภาพส่วนหนึ่งเป็นเงินต้องนำไปจ่ายค่าก่อสร้างในลาว แต่เงินส่วนใหญ่เป็นเงินที่รับจ้างขนออกนอกประเทศ
เช้าวันนี้ ที่ด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย –ลาว แห่งที่ 1 อ.เมืองหนองคาย เจ้าหน้าที่ด่านศุลกากรและตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย ได้ร่วมกันจับกุมนายขันธ์ สารสุวรรณ อายุ 55 ปี ชาวสุพรรณบุรี ขณะขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อเบนซ์ E 300 สีเทา จะเดินทางออกนอกประเทศไปยังนครหลวงเวียงจันทน์ สปป.ลาว โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบภายในรถพบถุงผ้ามีซิปเปิดปิด จำนวน 22 ใบ วางกระจายอยู่บนพื้นภายในห้องผู้โดยสารใช้แผ่นยางปูพื้นรถปิดทับไว้ และพนักวางแขนภายในรถ ซึ่งภายในถุงผ้ามีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท เบิกจากธนาคารต่างๆ ใบละประมาณ 600,000 –1.8 ล้านบาท รวมจำนวน 30,185,000 บาท
นายนิมิตร แสงอำไพ นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวว่าการจับกุมในครั้งนี้เชื่อว่าเป็นขบวนการ ต่อจากเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่านมา ซึ่งศุลกากรหนองคายจับกุมได้ 98 ล้านบาท ในครั้งนี้มีพฤติการณ์นำเงินดอลลาร์สหรัฐมาแลกเป็นธนบัตรไทยจากธนาคารต่างๆ ในจังหวัดหนองคาย โดยรถยนต์คันนี้เจ้าหน้าที่ได้เฝ้าจับตาดูนานเป็นเดือน
นายด่านศุลกากรแจงด้วยว่า ตาม พ.ร.บ.การแลกเปลี่ยนเงิน จำนวนเงินที่เกิน 2 ล้านบาท เงินจำนวน 2 ล้าน เจ้าของเงินมีสิทธิ์แจ้งนำเงินออกได้ ถ้าเกินจำนวนนี้ต้องยึดสถานเดียว ไม่มีกรณีเป็นอื่น แม้ว่าผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพหรือไม่ อย่างไรศุลกากรก็ต้องยึดเงินทั้งหมด ซึ่งจากการสอบปากคำ ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นการซุกซ่อนเพื่อนำเงินออกนอกประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะรสอบสวนว่า ผู้ต้องหาจะยอมรับสารภาพ ยอมระงับคดีในชั้นศุลกากร หรือ หากต้องการต่อสู้คดีก็ต้องส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองคาย พร้อมทั้งต้องแจ้งให้ ปปส.และปปง. ทราบเพื่อร่วมสอบสวนด้วยว่าเกี่ยวข้องกับเงินยาเสพติดหรือฟอกเงินหรือไม่ ส่วนเงินของกลางทั้งหมดจะนำไปฝากไว้ที่ธนาคารเพื่อความปลอดภัย
จากการประเมินสถานการณ์เมื่อครั้งจับกุมครั้งที่แล้วที่เป็นสองพี่น้องชาวลาว ขนเงินจำนวน 98 ล้านบาท ทราบว่าขบวนการลักลอบขนเงินมีหลายกลุ่ม ทุกกลุ่มทราบถึงการดำเนินการจับกุมมาโดยตลอด อาจมีการพลิกแพลงด้วยการแบ่งเงินให้น้อยลง หรือใช้รถยนต์เข้าออกให้มากเที่ยวขึ้น หลังการจับกุม 98 ล้านบาท กลุ่มขบวนการค่อนข้างปิดลับมากขึ้น มีการใช้เทคนิคซับซ้อนมากขึ้นเพื่อให้ยากต่อการถูกจับกุม ซึ่งคดี 98 ล้านบาท อยู่ในการดูแลของกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพราะผู้ต้องหาชาวลาวทั้งสองคนเบื้องต้นให้การรับสารภาพ แต่ตอนหลังประสงค์จะต่อสู้คดี
นายด่านศุลกากรหนองคาย กล่าวอีกว่าคดีแบบนี้ไม่ควรจะเกิด เพราะระบบธนาคารทุกวันนี้ถ้าสุจริตชนสามารถโอนเงินผ่านธนาคารทั้งใน และธนาคารต่างประเทศได้ แต่พฤติการณ์ของขบวนการเหล่านี้เท่าที่ได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ภาษีลาว หรือศุลกากรลาว พบว่าไม่มีการแจ้งเงินไม่ว่าจะเป็นเงินเข้าหรือเงินออกประเทศ แม้แต่ประเทศไทยก็เช่นกัน ไม่มีการแจ้งนำเงินเข้าออก แสดงให้เห็นว่าเป็นขบวนการใต้ดิน เงินที่ได้มาก็ยากต่อการพิสูจน์ว่าเป็นเงินถูกต้อง.-สำนักข่าวไทย