ทำเนียบฯ 19 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี เผยรัฐบาลเตรียมจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นหลังงานพระราชพิธีสำคัญ ยืนยันเดินทางเยือนอังกฤษ-ฝรั่งเศส ชี้แจงการเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแมป-ไม่หารือส่งตัวอดีตนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ในช่วงที่เดินทางไปปฎิบัติภารกิจที่ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายนนี้ จะมอบหมาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมร่วมตัวแทนพรรคการเมืองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งจะมีการรับฟังข้อเสนอของพรรคการเมือง รวมถึงพิจารณาข้อเรียกร้องในการปลดล็อคทำกิจกรรมต่าง ๆ ของพรรคการเมือง
“ดังนั้นในช่วงที่ผมไม่อยู่ในประเทศ ขอให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข และสิ่งสำคัญที่สุดที่ คสช.พิจารณาอยู่ในขณะนี้ คือ การเตรียมการไปสู่พระราชพิธีบรมราชาภิเษก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญของคนไทยทุกคน และการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายหลังงานพระราชพิธีสำคัญ อย่าหาว่าผมมาอ้างทางนี้ คนละเรื่อง ผมต้องการให้ประเทศชาติสงบ มีเสถียรภาพ และมีผลต่อการลงทุนในช่วงเวลานี้ด้วย การเลือกตั้งก็เดินไปตามครรลองประชาธิปไตย ผมไม่เห็นขัดแย้งอะไรกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้จะใช้โอกาสที่เดินทางเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ชี้แจงโรดแมปการเลือกตั้ง ซึ่งจะเป็นไปตามขั้นตอน และจะเดินหน้าหลังจากที่ร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับ โปรดเกล้าฯ และมีผลบังคับใช้
ส่วนการเดินทางเยือนอังกฤษครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยืนยันว่า จะไม่มีการเจรจาหารือในระดับรัฐมนตรีถึงเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน นายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเรื่องของระดับเจ้าหน้าที่ในการประสานงาน พร้อมกันนี้ไม่มีความตระหนกใด ๆ ที่จะมีกลุ่มต่อต้านออกมาประท้วง เพราะเชื่อว่าต่างประเทศมีมาตรการในการดูแลอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินทางเยือนประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสในครั้งนี้ จะย้ำถึงความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการนำเสนอการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ส่วนการจัดซื้อและความร่วมมือต่าง ๆ จะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการ ตนไม่สามารถไปเจรจาได้ หากไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ถูกต้องและต้องเป็นไปตามกฎหมาย ขอยืนยันว่าจะยึดกฎหมายเป็นหลัก.-สำนักข่าวไทย