นิด้าโพลพบประชาชนเข้าใจการปฏิรูปประเทศ

นิด้าโพล 10 มิ.ย.-นิด้าโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นเรื่องการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน พบประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ64.98 เข้าใจเรื่องการปฏิรูปประเทศ  อยากให้ปฏิรูปเร่งด่วน ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 32.49 ด้านการเมือง ร้อยละ 19.67 และด้านกฎหมาย ร้อยละ 10.84 สิ่งที่ต้องการให้ปฏิรูปเพิ่มเติมคือ ยาเสพติด ร้อยละ 43.75 ด้านการเกษตร ร้อยละ 35.94 และด้านศาสนา ร้อยละ 14.84


กรมประชาสัมพันธ์ ร่วมกับ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง “การปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26 – 31 พฤษภาคม 2561 จากประชาชนที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 2,039 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการรับรู้ ความเข้าใจ และความคิดเห็นที่มีต่อ “การปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน” การสำรวจใช้การสุ่มตัวอย่างด้วยความน่าจะเป็น ด้วยวิธีแบบหลายขั้นตอน (Multistage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการลงพื้นที่สัมภาษณ์แบบพบตัว โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95

จากการสำรวจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 64.98 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน “ทุกคน” ร้อยละ 60.23 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ  การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นอย่างมีระบบ ระเบียบ มีแผน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ประเมินผลได้และรู้ว่าใครทำอะไร ร้อยละ 29.62 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลและข้าราชการ 


ร้อยละ 26.53 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ ถ้าเป็นเรื่องง่าย ร้อยละ 22.81 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ค่อยเป็นค่อยไป ถ้าเป็นเรื่องยาก และร้อยละ 0.10 เข้าใจว่าการปฏิรูปประเทศ คือ การเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นโดยการรับฟังเสียงของประชาชน

เมื่อถามถึงความคาดหวังของประชาชนต่อการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 68.51 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ประชาชนทุกกลุ่ม เกษตรกร รับจ้าง ผู้สูงอายุ คนพิการ ฯลฯ ได้รับสวัสดิการที่ดีขึ้น อย่างทั่วถึงไม่ตกหล่น ร้อยละ 57.48 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และเท่าเทียมกัน ร้อยละ 56.50 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ไม่มีการโกง ไม่มีเส้นสาย ไม่อุปถัมภ์ คนทุจริตทั้งผู้ให้และผู้รับไม่ว่ารวย-จน หรือมีตำแหน่งต้องได้รับโทษ

ร้อยละ 51.30 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศ จะช่วยให้มีความสุข ชีวิตปลอดภัย เดินทางสะดวก และมีสวัสดิการที่ดีขึ้น ร้อยละ 49.39 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้คนทำผิดกฎหมายต้องได้รับโทษ และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ร้อยละ 46.30 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้มีโอกาสทำงาน มีโอกาสพัฒนาตนเองได้ และมีรายได้ที่เหมาะสมกับความสามารถ และร้อยละ 0.74 คาดหวังว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยลดความเลื่อมล้ำทางสังคม มีความเท่าเทียมตามสิทธิและกฎหมาย มีกฎหมายที่รัดกุม ไม่ลดหย่อนโทษสำหรับผู้ที่กระทำผิด ประชาชนทุกคนมีสิทธิออกเสียงไม่ว่าจะรวยหรือจน การศึกษาดีขึ้น มีสิทธิเสรีภาพ มีผู้นำหรือผู้บริหารประเทศที่เป็นคนดี มีความสามารถ


สำหรับหน้าที่และความรับผิดชอบต่อการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 81.17 คิดว่า การปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ร้อยละ 76.95 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของประชาชน ร้อยละ 47.87 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของ คสช. ร้อยละ 41.88 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของข้าราชการ ร้อยละ 33.59 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของนักการเมืองและพรรคการเมือง ร้อยละ 26.88 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของภาคเอกชน ร้อยละ 20.30 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของสื่อมวลชน ร้อยละ 13.24 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของมูลนิธิ หรือองค์กรเอกชน ที่ไม่แสวงหากำไร (NGO) ร้อยละ 3.09 คิดว่าการปฏิรูปประเทศเป็นหน้าที่ของทุกคนและทุกภาคส่วน ครู อาจารย์ที่อบรมสั่งสอนเด็กหรืออนาคตของชาติ ให้มีคุณธรรม มีความรู้ความสามารถ โตไปไม่โกง

เมื่อถามถึงเครื่องมือที่ช่วยให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จและมีความต่อเนื่อง พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 59.49 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ ความร่วมมือจากประชาชนทุกภาคส่วน รวมทั้งสื่อมวลชน ร้อยละ 56.55 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ การยอมรับการเปลี่ยนแปลง และการแก้ปัญหาร่วมกันอย่างสันติ ร้อยละ 54.49 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ ทุกคนเห็นประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ยอมสละความสุขสบายส่วนตนได้ ร้อยละ 53.80 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ ผู้นำประเทศและนักการเมืองที่มีวิสัยทัศน์ 

ร้อยละ 46.35 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ พรรคการเมืองที่ทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ร้อยละ 32.66 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ แผนการปฏิรูปประเทศ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ร้อยละ 25.06 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ ยุทธศาสตร์ชาติ ระยะยาว และร้อยละ 0.25 คิดว่าสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปประเทศประสบความสำเร็จ คือ ความต่อเนื่องในการดำเนินงานหรือนโยบายของรัฐบาลเก่าและรัฐบาลใหม่ การมีจิตสำนึก มีความซื่อสัตย์ ไม่โกงบ้านโกงเมือง เน้นการพัฒนาคนมากกว่าการพัฒนาวัตถุ

ในส่วนของการรับรู้หรือเคยได้ยินเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.49 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง เช่น การเลือกตั้งแบบใหม่ ร้อยละ 43.40 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านสังคม เช่น การลงทะเบียนคนจนและแรงงานต่างด้าว ร้อยละ 32.61 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ เช่น ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ อีอีซี (EEC) เกษตรแปลงใหญ่ ตลาดนำการผลิต 

ร้อยละ 29.57 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ เช่น การตั้งศาลเฉพาะคดีทุจริต ร้อยละ 26.29 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เช่น ผู้ป่วยฉุกเฉินมีสิทธิรักษาทุกโรงพยาบาล ภายใน 72 ชั่วโมง (UCEP) ร้อยละ 24.57 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย เช่น การแก้ไขการทำประมงที่ผิดกฎหมาย (IUU) การทำให้อุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย เป็นที่ยอมรับตามมาตรฐานสากล ขององค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ร้อยละ 20.50 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น กฎหมายป่าชุมชน

ร้อยละ 20.40 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เช่น การบริหารจัดการน้ำแบบบูรณาการ ร้อยละ 18.78 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น กฎหมายจรรยาบรรณสื่อ ร้อยละ 18.39 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เช่น กองทุนยุติธรรม ร้อยละ 13.09 ระบุว่าเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน เช่น โรงงานไฟฟ้าจากขยะ และร้อยละ 5.74 ระบุว่าไม่เคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการปฏิรูปเลย

เมื่อถามประชาชนถึงการรับรู้และความรู้สึกต่อการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 58.21 รู้สึกว่าบ้านเมืองได้มีการปฏิรูปประเทศบางส่วนแล้ว ร้อยละ 27.02 รู้สึกว่าบ้านเมืองยังไม่มีการปฏิรูปประเทศ ร้อยละ 9.96 ไม่ทราบว่าบ้านเมืองมีการปฏิรูปประเทศ และร้อยละ 4.81 รู้สึกว่าบ้านเมืองได้มีการปฏิรูปประเทศทั้งหมดแล้ว

เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 11 ด้าน พบว่า (1) ด้านการเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.09 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง ร้อยละ 40.27 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 7.80 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 2.84 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย (2) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 53.90 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ร้อยละ 36.19 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 9.37 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.54 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย

(3) ด้านกฎหมาย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 56.01 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย ร้อยละ 38.35 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 5.05 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย  และร้อยละ 0.59 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย (4) ด้านกระบวนการยุติธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.98 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 37.47 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 6.96 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.59 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย

(5) ด้านเศรษฐกิจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.80 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 38.50 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 10.45 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 2.25 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย (6) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.95 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 39.73 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 5.88 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.44 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย 

(7) ด้านสาธารณสุข พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 53.65 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุดกับการปฏิรูปประเทศ ด้านสาธารณสุข ร้อยละ 41.69 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 4.32 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.34 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย (8) ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 51.35 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ร้อยละ 40.31 ระบุว่า เห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 7.55 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.79 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย

(9) ด้านสังคม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.26 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ร้อยละ 42.23 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 7.65 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 1.86 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย (10) ด้านพลังงาน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 54.39 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านพลังงาน ร้อยละ 36.98 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 6.91 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 1.72 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย

(11) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.95 ระบุว่าค่อนข้างเห็นด้วยกับการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร้อยละ 43.50 ระบุว่าเห็นด้วยมากที่สุด ร้อยละ 6.52 ระบุว่าไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 1.03 ระบุว่าไม่เห็นด้วยเลย

เมื่อถามถึงความเชื่อมั่นในโอกาสความสำเร็จของการปฏิรูปประเทศ โดยแบ่งออกเป็น 11 ด้าน พบว่า (1) ด้านการเมือง ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.26 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 30.95 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 16.23 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 12.56 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ (2) ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน พบว่า ประชาชน ส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.99 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 28.20 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่า จะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 18.34 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 9.47 ระบุว่าไม่เชื่อเลย ว่าจะประสบความสำเร็จ 

(3) ด้านกฎหมาย พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.54 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 28.30 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 15.20 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 9.96 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ (4) ด้านกระบวนการยุติธรรม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.41 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 28.84 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 14.86 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 10.89 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ 

(5) ด้านเศรษฐกิจ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.91 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 28.84 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 16.04 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 12.21 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ  (6) ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.30 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่า จะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 25.70 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 17.26 ระบุว่าเชื่อว่า จะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 10.74 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ 

(7) ด้านสาธารณสุข พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 40.76 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 26.43 ระบุว่าเชื่อว่า จะประสบความสำเร็จแน่นอน ร้อยละ 23.44 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ และร้อยละ 9.37 ระบุว่า ไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ (8) ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 46.10 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 25.70 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 18.98 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 9.22 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ 

(9) ด้านสังคม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 42.18 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 25.75 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 20.89 ระบุว่า เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 11.18 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ (10) ด้านพลังงาน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.41 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 28.79 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 15.89  ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 9.91 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ 

(11) ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.68 ระบุว่าค่อนข้างเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 27.81 ระบุว่าไม่ค่อยเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จ ร้อยละ 18.98 ระบุว่าเชื่อว่าจะประสบความสำเร็จแน่นอน และร้อยละ 13.53 ระบุว่าไม่เชื่อเลยว่าจะประสบความสำเร็จ

สำหรับความต้องการที่อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมนอกจาก 11 ด้านข้างต้น พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.75 อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมในด้านยาเสพติด  ร้อยละ 35.94 อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมในด้านการเกษตร ร้อยละ 14.84 อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมในด้านศาสนา ร้อยละ 3.91 อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมในด้านวัฒนธรรม และร้อยละ 1.56 อยากให้รัฐบาลดำเนินการปฏิรูปประเทศเพิ่มเติมในด้านกีฬา

เมื่อถามความคิดเห็นต่อการปฏิรูปประเทศว่าด้านใดควรดำเนินการอย่างเร่งด่วน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้ดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างเร่งด่วนเป็นอันดับ 1 คือ ด้านเศรษฐกิจ ร้อยละ 32.49 อันดับ 2 ด้านการเมือง ร้อยละ 19.67 อันดับ 3 ด้านกฎหมาย ร้อยละ 10.84 อันดับ 4 ด้านสังคม ร้อยละ 9.92 อันดับ 5 ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ร้อยละ 7.14 

อันดับ 6 ด้านสาธารณสุข ร้อยละ 5.29 อันดับ 7 ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ร้อยละ 4.55 อันดับ 8 ด้านกระบวนการยุติธรรม ร้อยละ 4.35 อันดับ 9 ด้านพลังงาน ร้อยละ 3.11 อันดับ 10 ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 1.85 และอันดับ 11ด้านสื่อสารมวลชน เทคโนโลยีสารสนเทศ ร้อยละ 0.78

สำหรับความคิดเห็นในเรื่องระยะเวลาดำเนินการปฏิรูปประเทศ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.27 คิดว่าควรดำเนินการในระยะเร่งด่วน (ภายใน 1 ปี) ร้อยละ 29.33 คิดว่าควรดำเนินการในระยะปานกลาง (1 – 5 ปี) ร้อยละ 25.60 คิดว่าควรปฏิรูปอย่างต่อเนื่องตลอดไป ร้อยละ 6.18 คิดว่าควรดำเนินการในระยะยาว (มากกว่า 5 ปี) และร้อยละ 1.62 ไม่ทราบ

เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชนในการปฏิรูปประเทศ รวมถึงการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปตำรวจ จะช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างพอเพียง และประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 36.49 ค่อนข้างมั่นใจว่าการปฏิรูปประเทศจะช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดีอย่างพอเพียง และประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ร้อยละ 32.96 ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 16.48 ไม่มั่นใจเลย ร้อยละ 8.09 มั่นใจมาก และร้อยละ 5.98 ไม่ทราบ/ไม่แน่ใจ 

เมื่อถามถึงการมีส่วนร่วมใน “การปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน” พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 27.21 ระบุว่าให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการดำเนินการปฏิรูปประเทศให้ดีขึ้น ตามนโยบายหรือแผนการปฏิรูปประเทศของรัฐบาล ร้อยละ 18.65 ระบุว่ามีส่วนร่วมโดยการไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ร้อยละ 14.81 ระบุว่าร่วมแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะแก้ไขปัญหาเมื่อมีโอกาส เพื่อให้ประเทศชาติเจริญและพัฒนา ร้อยละ 9.90 ระบุว่าทำหน้าที่พลเมืองตามสิทธิ หน้าที่

ร้อยละ 8.17 ระบุว่าปฏิบัติตามกฎหมายและเคารพกติกาของบ้านเมือง ร้อยละ 4.33 ระบุว่าติดตามการทำงานของรัฐบาล ร้อยละ 4.23 ระบุว่าเป็นคนดีของสังคม มีน้ำใจช่วยเหลือกัน ไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ร้อยละ 3.65 ระบุว่าต่อต้านคอร์รัปชัน ร้อยละ 2.69 ระบุว่าร่วมกิจกรรมพัฒนาชุมชน ร้อยละ 2.12 ระบุว่าดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ ร้อยละ 1.92 ระบุว่าประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของรัฐบาลที่ถูกต้อง ร้อยละ 1.73 ระบุว่าไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และร้อยละ 0.58 ระบุว่ามีส่วนร่วมกับกิจกรรมทางการเมือง     .-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลังทิ้งกลางไร่อ้อย

กาญจนบุรี 18 พ.ค. – พบแล้วศพ “ดีเจเตเต้” ถูกอุ้มมัดมือไพล่หลัง นำศพทิ้งกลางไร่อ้อย เมืองกาญจน์ หลังครอบครัวแจ้งช่วยตามหาตัวตั้งแต่คืนวันที่ 14 พ.ค. ตั้งปมสังหารเรื่องชู้สาว ความคืบหน้ากรณี “ดีเจเตเต้” ถูกขับรถตามประกบ ก่อนอุ้มขึ้นรถหายตัวไป เหตุเกิดเมื่อเวลา 03.53 น. ของวันที่ 14 พ.ค. ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งหลังเกิดเหตุพ่อของดีเจเตเต้ ได้ออกมาอัดคลิปลงเฟซ บุ๊กเพื่อขอความช่วยเหลือในการตามหาตัวลูกชายที่หายตัวไป ก่อนที่ล่าสุดจะพบว่า กลายเป็นศพอยู่กลางไร่อ้อยเชิงเขาบ้านทุ่งนานางหรอก โดยวันนี้เวลาประมาณ 10.30 น. นายธนพล เสือส่าน กำนันบ้านทุ่งนานางหรอก ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพอยู่บริเวณไร่อ้อย หมู่ 3 บ้านทุ่งนานางหรอก ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี คนที่ไปเจอ เป็นน้าชายของนายกอล์ฟคนในหมู่บ้าน ที่ออกไปหาของป่าแล้วไปเจอศพ ในสภาพนอนตะแคง ถูกมือถูกมัดไขว้หลัง แล้วมาบอกหลานชายคือนายกอล์ฟไปดูด้วยกัน แล้วนายกอล์ฟจึงแจ้งให้กำนันทราบ ทางกำนันก็แจ้งเรื่องต่อไปยังตำรวจ สภ.ลาดหญ้า ซึ่งเบื้องต้นศพสวมเสื้อผ้าตรงกับที่เป็นข่าว […]

หาความจริง “แก๊งแม่ชีพันล้าน” ยันไม่ใช่เรื่องจริง

สมุทรสาคร 18 พ.ค. – วงการสงฆ์ยังไม่แผ่ว กระแสแก๊งแม่ชีพันล้านโผล่อีก สำนักพุทธลงตรวจสอบแล้ว แม่ชีที่ถูกกล่าวหา ตอบได้ทุกคำถาม ยืนยันไม่ใช่เรื่องจริง จากกระแสเมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) มีเพจหนึ่งนำภาพกลุ่มแม่ชีหลายภาพพร้อมกองธนบัตร และภาพแม่ชีที่แอดมินระบุอ้างว่าเป็นการใส่วิกผม มาโพสต์ลงโซเชียล พร้อข้อความเขียนแจงอย่างละเอียดว่า กรณีมีเพจดังโพสต์ภาพแม่ชีพร้อมข้อความระบุข้อความเด็ดว่า ทำนองว่า “แก๊งแม่ชีพันล้านคุมวัดเบ็ดเสร็จไร้เงาพระ! 1. แม่ชี 2 พี่น้องบริหารวัดลำพังไม่มีไวยาวัจกร ไม่มีกรรมการ ไม่มีมัคทายก ครอบครองที่ดินนับพันไร่แต่ชื่อเจ้าของไม่ใช่วัด บางแปลงเป็นชื่อแม่ชี อาจเข้าข่าย “ถือครองแทน” หรือใช้วัดบังหน้า? ยอดกฐินปีละเกือบ 100 ล้าน! รายชื่อผู้บริจาคซ้ำๆ เดิมๆ ส่วนใหญ่เป็นแม่ชี-คนในวัด ไม่มีอาชีพ ไม่มีธุรกิจ แต่ “บริจาคเป็นล้านทุกปี” ระบบโบนัสแม่ชีสาวช่วยหาทุนได้มาก พาเที่ยวรีสอร์ตหรูปีละครั้ง ใส่วิกเต็มยศ นั้น วันนี้ผู้สื่อข่าวพร้อม นส.สวาท แซ่ตัน ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สมุทรสาคร นายอิทธิธร สีเหลือง นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เดินทางไปที่วัดที่แม่ชีในภาพบวชอยู่ ต.บางโทรัด […]

รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัท เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้าน

กทม. 18 พ.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง รวบแม่บ้านควบตำแหน่งกรรมการบริษัทชิปปิ้ง เลี่ยงภาษีกว่า 180 ล้านบาท พบก่อเหตุคล้ายกันในบริษัทฯ อีก 2 แห่ง รวมรัฐเสียหายกว่า 430 ล้านบาท ตำรวจสอบสวนกลาง โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) นำเจ้าหน้าเข้าจับกุม นางสมบุญ อายุ 54 ปี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1051/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์2568 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเจตนาหลีกเลี่ยงหรือพยายามหลีกเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มกระทำการใดๆ โดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบาย หรือโดยวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน ที่ลานจอดรถหน้าอพาร์ทเมนต์ พื้นที่ ม.2 ต.สุรศักดิ์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พฤติการณ์ ของ น.ส.สมบุญ ผู้ต้องหา ตรวจสอบพบว่า เป็นหนึ่งในกรรมการ บริษัท แห่งหนึ่งประกอบกิจการเป็นตัวแทนนำเข้าสินค้าและดำเนินพิธีการศุลกากรเพื่อนำสินค้าออกจากท่าเรือ แต่จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ พบว่าบริษัทฯดังกล่าวมีพฤติการณ์ปิดบังซ่อนเร้นที่มาของรายได้ รวมถึงค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ โดย บริษัทมักจะไม่มีการออกใบกำกับภาษีขายและใบเสร็จรับเงินสำหรับค่าบริการให้แก่ลูกค้าแต่อย่างใด และการจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของบริษัทฯ มักจะจ่ายเป็นเงินสดให้ลูกจ้างเป็นรายสัปดาห์ […]

สาวใจเด็ด โดดจยย.รับจ้าง วิ่งตามรถตัวเองหลังตามหา 1 ปี

กทม. 18 พ.ค. – สาวใจเด็ด โดดลงจากมอเตอร์ไซค์รับจ้าง วิ่งไล่รถตัวเอง หลังตามหาและผ่อนกุญแจเปล่ามานานกว่า 1 ปี พบเพื่อนสนิทนำรถไปค้ำประกันกับเจ้าหนี้ จากกรณีคลิปที่มีการแชร์ในโซเซียล ขณะผู้หญิงใส่เสื้อลายกำลังวิ่งไล่ตามรถเก๋งสีขาว พร้อมตะโกนให้คนช่วย จนพลเมืองดี ช่วยกันเข้ามารายล้อมรถและคนขับรถเก๋งต้องเลี้ยวเข้าซอย เพื่อลงมาเคลียร์ ก่อนเกิดเหตุชุลมุนขึ้น เมื่อวานนี้ (17 พ.ค.) ล่าสุดทีมข่าวเปิดใจ สาวที่ปรากฏในคลิป เล่าถึงสาเหตุที่ต้องเข้าไปขวางรถยนต์คันนี้ เพราะว่าเมื่อประมาณเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ตนเองได้ซื้อรถเก๋งคันนี้ ทะเบียนขอนแก่น และนำรถไปฝากจอดไว้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องของแฟนเพื่อนสนิท แต่หลังจากที่นำรถไปฝาก ก็ไม่เคยได้พบรถตัวเองอีกเลย โดยเพื่อนสนิท อ้างว่าแฟนเอาไปขับ ทุกครั้งที่ทวงถามหารถ จะมีการบ่ายเบี่ยงต่างๆ นานา จนในที่สุด ตนเองก็เข้าแจ้งความ ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2567 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยตามหารถ เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ก็ยังตามหาไม่ได้ ตนเองจึงต้องผ่อนกุญแจเปล่า มาเป็นระยะเวลา 1 ปีเต็ม […]

ข่าวแนะนำ

ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้”

กาญจนบุรี 19 พ.ค. – ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแล้ว 4 ราย อุ้มฆ่า “ดีเจเตเต้” ตั้งข้อหาหนักหลายกระทง ล่าสุด ครอบครัวรับศพแล้ว เผยผลชันสูตร กระสุนเจาะศีรษะ 2 นัด เป็นเหตุเสียชีวิต พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เดินทางลงพื้นที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดีล่าตัวแก๊งอุ้มฆ่า นายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี โดยภายหลังการประชุม พล.ต.ต.พรชัย ชลอเดช ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ขณะนี้จับกุม นายธนเดช หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการอุ้มฆ่า ดีเจเตเต้ แล้ว ส่วนอีก 4 คน ศาลอนุมัติหมายจับ ประกอบด้วย นายณรงค์เดช, นายภคณัท, นายนพพิจิตร และนายธราเทพ ทั้งหมดมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ใน 5 ข้อหาหนัก ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่น […]

ขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย

กทม. 19 พ.ค.-ทีมค้นหาฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เพื่อขุดค้นหาผู้ประสบเหตุ ซึ่งขุดลึกลงไป 5 เมตร ยังไม่พบผู้สูญหาย เวลา 17.00 น. เจ้าหน้าที่ทีมค้นหา ทั้ง กรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) Usar Thailand เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และบริษัทรับเหมาเจาะเสาเข็ม ได้ใช้แบคโฮ เริ่มฝังแผ่นเหล็กชีทไพล์ ความยาวประมาณ 16 เมตร รอบหลุมเสาเข็ม 4 ด้าน เพื่อป้องกันดินสไลด์ปิดทับปากหลุมที่รถแบ็คโฮจะทำการขุด เพื่อค้นหาผู้ประสบเหตุ โดยการฝั่งแผ่นชีทไพล์ รอบหลุมเสาเข็ม เนื่องจากการประเมินของเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญทางด้านวิศวกรรม พบว่าดินที่สไลด์ลงมาส่งผลกระทบรุนแรงต่อโครงสร้างอาคาร และเสาไฟฟ้า ในบริเวณที่เกิดเหตุ ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันปัญหาอาคารทรุดตัว เอน และ พังถล่ม จึงจำเป็นต้องนำแผ่นชีทไพล์มากั้น ก่อนทำการขุดดิน และเริ่มค้นหาผู้ประสบเหตุ และหลังจากฝังชีทไพล์ เสร็จสิ้นในเวลา 18.30 น. โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้นำเครื่องโซน่า ลงไปในหลุม เพื่อค้นหาร่างผู้ประสบเหตุ ซึ่งจากการใช้ โซน่าสแกน ร่างของผู้ประสบเหตุ ฝังอยู่ในหลุมลึก […]

ตามหา “เจ๊แก้ว” ใส่ทอง 20 บาท หายตัวไป 2 วัน

สุราษฎร์ธานี 19 พ.ค. – ยังไร้วี่แวว “เจ๊แก้ว” เจ้าของแผงทุเรียน หายตัว 2 วัน พร้อมทองหนัก 20 บาท-เงินสด 1 แสน สามีวอนตำรวจ-พลังโชเชียลช่วยตามหา หวั่นเกิดเหตุร้าย เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) ญาติของ น.ส.สุจิตรา หรือเจ๊แก้ว อายุ 43 ปี เจ้าของแผงทุเรียนในตลาดโพธิ์หวาย ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ว่า น.ส.สุจิตรา หายตัวไปวันที่ 17 พฤษภาคม หลังจากเสร็จงานที่แผงทุเรียน และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กม. ช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. น้องสาวของเจ๊แก้ว เล่าว่า วันนั้นตนได้โทรศัพท์คุยกับพี่สาวและทราบว่าพี่สาวกำลังจะออกจากแผงทุเรียนเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากนั้นก็เห็นผิดสังเกตว่าพี่สาวยังมาไม่ถึงบ้านเลยพยายามโทรหาแต่ก็ไม่มีคนรับ ปกติแล้วพี่สาวได้สวมใส่สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท เลทข้อมือทองคำน้ำหนัก 10 บาท […]

“บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบบัญชีวัดเพิ่มอีกรวม 49 บัญชี

นครปฐม 19 พ.ค. – “บิ๊กเต่า” นำทีมตรวจเงินวัดไร่ขิง พบตู้บริจาค 185 ตู้ บัญชีวัดรวม 49 บัญชี รอตรวจสอบเส้นเงินที่ชัดเจน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำกำลังตำรวจ เจ้าหน้าที่ สตง. และเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา เข้าตรวจสอบข้อมูลการเงินเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติม ภายในห้องการเงิน วัดไร่ขิง ก่อนที่ในช่วงบ่ายพระครูปฐมธีรวัฒน์ (บัญชา ฐิตธมฺโม) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ได้เป็นตัวแทนนำ จนท.ออกมาชี้จุดตั้งตู้บริจาคปัจจัยที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัด พบว่ามีตู้บริจาคทั้งหมด 185 ตู้ ซึ่งหลังจากใช้เวลาตรวจสอบบัญชีเพิ่มเติมกว่า 8 ชั่วโมง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่าการตรวจสอบในวันนี้ ไม่ได้ เป็นการสอบปากคำ แต่เป็นเพียงการเรียกทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบัญชีการเงินของวัดประมาณ 10 คน รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารจาก 4 ธนาคาร เข้ามาให้ข้อมูล เพื่อหาข้อสรุปว่า บัญชีของวัดมีกี่บัญชี ซึ่งทำให้พบบัญชีวัดเพิ่มขึ้นจากที่พบก่อนหน้านี้ 20 กว่าบัญชี (ใน 20 กว่า มีบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาส […]