ก.แรงงาน 8 มิ.ย.- รมว.แรงงาน เตือนแรงงานต่างด้าวเร่งพิสูจน์สัญชาติขอใบอนุญาตให้ทัน 30 มิ.ย.ก่อนระดมกำลังกวาดล้างแรงงานผิดกฎหมาย 1-15 ก.ค.นี้
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยหลังการประชุมประชุมติดตามและเร่งรัดการพิสูจน์สัญชาติแรงงานต่างด้าวและการดำเนินการของศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ(OSS) ว่า หลังกระทรวงแรงงานเปิดศูนย์พิสูจน์สัญชาติและศูนย์ OSS ระยะที่ 2 ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 6 มิ.ย.พบว่ามีแรงงานที่ยังคงตกค้าง ยังไม่ดำเนินการตรวจสุขภาพ จัดทำทะเบียนประวัติ ตรวจลงตราวีซ่าและขออนุญาตทำงาน ที่ศูนย์ บริการเบ็ดเสร็จ OSS ประมาณ 9.8 หมื่นคน โดยในจำนวนนี้ยังไม่ตรวจพิสูจน์สัญชาติ 37,000คน แบ่งเป็นกัมพูชา 30,000คน ลาว 6,400 คน เมียนมา 800 คน
รมว.แรงงาน กล่าวต่อว่า สาเหตุที่แรงงานกัมพูชา ตัวเลขยังเหลือมาก เนื่องจากแรงงานกัมพูชาตามแนวชายแดน ตราด ชลบุรี รวม 8,000 คนเลือกเดินทางเข้ามาทำงานแบบบอร์เดอร์พาส เพราะสะดวกกว่า เสียค่าใช้จ่ายเพียง 1,500 บาท อยู่ทำงานได้ 3 เดือน ขณะที่ส่วนหนึ่งกลับประเทศเพื่อทำพาสปอร์ต เดินทางเข้ามาในระบบ MOUทำให้ยอดคงเหลือที่ต้องดำเนินการจริงอยู่ที่ประมาณ 10,000 คน
ดังนั้น ยอดต่างด้าวที่ยังคงตกค้างไม่ดำเนินการ ทั้งพิสูจน์สัญชาติ และเข้าศูนย์ OSS ทั้งสิ้นอยู่ประมาณกว่า 56,000 คนเท่านั้น โดยพื้นที่ที่เหลือมากสุดที่คือ กทม. รองลงมาคือชลบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ เป็นต้น เนื่องจากยังมีบางส่วนยังไม่ตรวจสุขภาพ ขณะที่นายจ้างหลายคนยังลังเล คิดว่ารัฐบาลจะขยายเวลาให้จึงยังไม่นำต่างด้าวมาดำเนินการ โดยยืนยันรัฐบาลจะไม่ขยายเวลาออกไปอีกแน่นอน และมั่นใจว่าเวลาที่เหลืออยู่ประมาณ 3 สัปดาห์ เพียงพอต่อการขึ้นทะเบียรต่างด้าวทั้งหมด และหากเป็นไปได้จะพยายามประสานความร่วมมือเจ้าหน้าที่ทุกส่วนเร่งดำเนินการให้เสร็จภายใน 15 มิ.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดการขึ้นทะเบียนต่างด้าว จะเริ่มยังคับใช้กฎหมายและประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้ง ตำรวจและเจ้าหน้าที่แรงงาน ออกตรวจตราเข้มในช่วงวันที่ 1-15 ก.ค.2561 โดยขอความร่วมมือนายจ้างและแรงงานต่างด้าว ให้มาดำเนินการพิสูจน์สัญชาติ และเข้าสู่ระบบศูนย์ OSS ให้ทันภายในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ หากไม่ปฏิบัติและตรวจพบ ต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาต หรือทำงานที่ห้ามทำ มีโทษปรับ 5,000 – 50,000 บาท ถูกส่งกลับประเทศทันที ส่วนนายจ้างมีโทษปรับ 10,000-100,000 บาทต่อคนต่างด้าวหนึ่งคน และหากผิดซ้ำมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 – 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ .-สำนักข่าวไทย