กรุงเทพฯ 6 มิ.ย.-กสทช.เห็นชอบให้ อสมท ยุติสัญญาให้บริการโครงข่ายสปริงนิวส์แล้ว โดยจะยุติการให้บริการสัญญาณ 16 มิถุนายนนี้ จากเหตุไม่ชำระหนี้กว่า 100 ล้านบาท
บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัลแก่ บริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ซึ่งได้ทำสัญญาร่วมกันตั้งแต่ปี 2557 ตั้งแต่กลางปี 2559 สปริงนิวส์ค้างชำระค่าเช่าใช้บริการโครงข่ายมาจนถึงปัจจุบัน รวมค่าปรับตามสัญญาและดอกเบี้ยตามกฎหมาย ณ วันที่ 31 พ.ค. 2561เป็นเงินกว่า 104 ล้านบาท ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อสมท ได้มีหนังสือทวงถาม โดยสปริงนิวส์ได้ขอขยายเวลาชำระเงินเรื่อยมา โดยให้เหตุผลว่าบริษัทอยู่ในช่วงวางแผนเพิ่มทุน และจะทยอยผ่อนชำระหนี้ค่าใช้บริการ แต่ก็ไม่ได้มีการชำระมาแต่อย่างใด
นายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ฝ่ายบริหาร และคณะกรรมการ บมจ.อสมท พิจารณาแล้วเห็นว่า หาก อสมท และ กสทช. ไม่พิจารณาดำเนินการใดๆ จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐ อาจถูกร้องในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ และเพื่อปกป้องผลประโยชน์เพื่อผู้ถือหุ้น อสมท ด้วย อสมท จึงได้ดำเนินการขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ กสทช. เพื่อยุติการให้บริการ โดยคณะกรรมการ กสทช.มีมติเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 เห็นชอบให้ “ยุติการให้บริการ” ตามสัญญาให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินระบบดิจิทัล ระหว่าง บมจ.อสมท กับ สปริงนิวส์ แล้ว
ทั้งนี้ อสมท จะดำเนินการยุติการให้บริการโครงข่ายฯ แก่สปริงนิวส์ ในวันที่ 16 มิถุนายน 2561 โดย อสมท มีหนังสือลงวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา ถึงบริษัท สปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด แจ้งเรื่องบอกเลิกสัญญาและยุติการให้บริการโครงข่ายโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิทัล
นายเขมทัตต์ ยังบอกด้วยว่า การสนับสนุนให้อุตสาหกรรมทีวีดิจิทัลทั้งระบบเกิดการขยายตัวและแข็งแรงอยู่รอดได้นั้น ภาครัฐควรส่งเสริมด้านการผลิตคอนเทนต์ให้มีต้นทุนต่ำลง ด้วยการช่วยเหลือด้านภาษีหรือสิทธิด้านอื่นๆ รวมทั้งการสนับสนุนให้เปิดตลาดเพื่อการส่งออกคอนเทนต์ การดำเนินการจัดทำ MUX POOL หรือการให้บริการออกอากาศภาคพื้นเป็นโครงข่ายเดียว เพื่อให้มีต้นทุนต่ำลง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ประกอบการโทรทัศน์ดิจิทัลมีต้นทุนลดลงไปด้วยในระยะยาว
ส่วนการสนับสนุนระยะสั้นของ กสทช. ด้วยการชดเชยค่าเช่าโครงข่ายแก่ทีวีดิจิทัลช่องต่างๆ 50% ถือเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้น ควรดำเนินการแก้ไขให้ถูกจุด เพื่อให้ประชาชนผู้ชมได้ประโยชน์ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย.-สำนักข่าวไทย