กทม. 5 มิ.ย.-เปิดประวัติอดีตพระพรหมเมธี หรือจำนงค์ เอี่ยมอินทรา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม เป็นผู้ต้องหารายสุดท้ายในคดีทุจริตเงินทอนวัดลอต 3
อดีตพระพรหมเมธีถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริตและถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ และปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต โดยเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน ในอดีต อดีตพระพรหมเมธีเคยครองสมณศักดิ์พระราชาคณะเจ้าคณะรองฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการมหาเถรสมาคม และเจ้าคณะภาค 4, 5, 6, 7 (ธรรมยุต) โดยตำแหน่งเหล่านี้สิ้นสุดลงเมื่อมีพระบรมราชโองการถอดถอนสมศักดิ์
สมเด็จพระสังฆราชมีพระบัญชาปลดพ้นจากตำแหน่งกรรมการมหาเถรสมาคม อดีตพระพรหมเมธี นามเดิมจำนงค์ เอี่ยมอินทรา อายุ 77 ปี อดีตเจ้าคุณจำนงค์ แห่งวัดสัมพันธวงศาราม ได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม พร้อมกับตำแหน่งโฆษก มส. เมื่อ 10 มีนาคม 2547 อีกตำแหน่งหนึ่ง นับเป็นพระจากสายธรรมยุตเพียงหนึ่งเดียวที่โดนคดีทุจริตเงินทอนวัดในลอต 3
เส้นทางของจำนงค์ มีความสัมพันธ์อันดีกับวัดพระธรรมกาย โดยเมื่อปี 2558 เคยเดินทางไปปฏิบัติศาสนกิจ ณ วัดพระธรรมกายบาวาเรีย เยอรมนี ในครั้งนั้น มส. อนุมัติหนังสือเดินทางราชการ ปกน้ำเงิน อายุหนังสือเดินทาง 5 ปี คือ 2558-2563 ซึ่งยังไม่หมดอายุสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นนี้เองที่ทำให้อดีตพระพรหมเมธีเลือกที่จะเดินทางไปขอลี้ภัยที่ประเทศเยอรมนี.-สำนักข่าวไทย