หวั่นการค้าอาเซียนลดลงหลังเปิด AEC

กรุงเทพฯ 31 พ.ค. – มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยชี้การรวมตัวเป็นเออีซีช่วยเศรษฐกิจอาเซียนเติบโตขึ้น แต่ห่วงการค้าการลงทุนระหว่างอาเซียนด้วยกันเองกลับไม่รุ่ง แม้จะลดภาษีเหลือร้อยละ  0  


นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการ ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลการประเมินการค้าการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV ประกอบด้วย กัมพูชา เมียนมา ลาว และเวียดนาม หลังปี 2558 และ5 ปีข้างหน้า ว่า จากการรวมกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 2558 ทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนมีบทบาทความสำคัญทางเศรษฐกิจมากขึ้น สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ ซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจในอาเซียนอีก 5 ปีข้างหน้า อินโดนีเซียจะมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมากสุด รองลงมาเป็นไทย และมาเลเซีย ส่วนประเทศในกลุ่ม CLMV ก็มีการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงขึ้นถึง 2.4 เท่า มีกำลังซื้อภายในประเทศสูงขึ้น และเป็นที่เป้าหมายในการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศ จึงคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า หรือปี 2565 กลุ่มประเทศ CLMV จะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจถึงร้อยละ  6.8 และมีส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจในอาเซียนเพิ่มเป็นร้อยละ 15 จากปี 2558 ที่มีสัดส่วนร้อยละ  13.8

อย่างไรก็ตาม ขณะที่การค้าขายระหว่างประเทศในอาเซียนด้วยกันเองกลับลดง แม้ว่าอาเซียนจะทยอยลดภาษีระหว่างกันเป็นร้อยละ 0 แล้วก็ตาม โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV เพราะสัดส่วนการค้าระหว่างอาเซียนด้วยกันลดลงร้อยละ 18.4 ในปี 2558 เหลือร้อยละ 14.8 ในปี 2560  และอีก 5 ปีข้างหน้ามีแนวโน้มค้าขายในอาเซียนด้วยกันเองจะมีสัดส่วนลดลงเหลือร้อยละ  14 เท่านั้น เพราะ CLMV มีการนำเข้าจากประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 31.3 แต่ลดการนำเข้าจากอาเซียนด้วยกันลงเหลือเพียงร้อยละ  20.2 เท่านั้น และขณะนี้ยังนำเข้าจากเกาหลีใต้สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้อาเซียนสูญเสียโอกาสทางการค้า และการส่งออกใน CLMV ให้กับจีนและเกาหลีใต้ ซึ่งมีกำลังซื้อดีกว่าในอาเซียนด้วยกันเอง นอกจากนี้โครงสร้างการส่งออกสินค้าในอาเซียนเหมือนกัน ทำให้แข่งขันกันเองและตัดตลาดราคาด้วยกันเอง และที่ผ่านมาในอาเซียนด้วยกันเองมีมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีค่อนข้างสูง ทั้งมาตรการด้านสุขอนามัยและมาตรฐาน รวมถึงอาเซียนทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศอื่น ๆ ที่อยู่นอกอาเซียน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ และกำลังซื้อดีกว่าประเทศในอาเซียนด้วยกันเอง จึงทำให้ CLMV  หันไปค้าขายกับประเทศนอกอาเซียนมากขึ้น เช่นเดียวกับการลงทุนโดยตรง หรือ FDI ที่อาเซียนไม่ลงทุนระหว่างกันเอง แต่กลับรอให้ประเทศนอกอาเซียนเข้ามาลงทุนมากกว่า โดยสิงคโปร์เป็นเทศที่มีการลงทุนโดยตรงมากที่สุด 


ทั้งนี้ ไทยลงทุนโดยตรงในอีก 5 ปีข้างหน้าจะดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งจะดึงดูดเม็ดเงินให้เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นและเป็นประเทศอันดับที่ 5 ของอาเซียนที่จะมีเม็ดเงินลงทุนโดยตรง ซึ่งดีขึ้นกว่าก่อนรวมเป็นเออีซี ที่ไทยอยู่อันดับ 6 ของอาเซียน แต่โดยรวมไทยได้ประโยชน์ด้านการค้ากับ CLMV เพราะสินค้าไทยเป็นที่นิยมในตลาดดังกล่าว แต่สำหรับด้านการลงทุนนั้น ศักยภาพของไทยไม่สามารถสู้กับจีน เกาหลีใต้ สิงคโปร์ และญี่ปุ่นได้ เพราะยังขาดการส่งเสริมการลงทุน รวมถึงเงินทุน แรงงาน และเทคโนโลยีในการลงทุน เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนัก-กทม.ฟ้าคะนอง 30%

กรมอุตุฯ เตือนภาคใต้ฝนตกหนัก ส่วนไทยตอนมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 30%

สร้างสถานการณ์ ปาประทัดบอลใส่บ้านชาวไทยพุทธที่ปัตตานี

คนร้ายสร้างสถานการณ์ปาประทัดบอลใส่บ้านชาวไทยพุทธ ในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบลายนิ้วมือ หาตัวผู้ก่อเหตุ