เลย 30 พ.ค. – ตำรวจภูธรภาค 4 ประสานธนาคารพาณิชย์ปรับโครงสร้างหนี้ให้ตำรวจจังหวัดเลย เกือบ 200 นาย โดยให้ชำระยอดขั้นต่ำป็นเวลา 1 ปี หวังช่วยบรรเทาความเดือดร้อน หลังถูกอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลย นำเงินกู้สหกรณ์ไปลงทุนหุ้นจนขาดส่งธนาคารเจ้าหนี้ เสี่ยงถูกฟ้องยึดทรัพย์และล้มละลาย ตำรวจบางรายถึงขั้นจำนำปืนมาใช้หนี้
ต้นเรื่องของปัญหาเกิดขึ้นในเดือนเมษายนปีที่แล้ว เมื่อ พล.ต.ต.สุทิพย์ ผลิตกุศลธัช รองผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเลยในขณะนั้น ก่อตั้งโครงการบริหารหนี้ขึ้นมา โดยให้ผู้ใต้บังคับบัญชากู้เงินสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลยไปใช้หนี้ธนาคารพาณิชย์ต่างๆ เพื่อให้เหลือหนี้อยู่กับสหกรณ์แห่งเดียว แต่มีข้อเสนอเชิงบังคับว่า หากไม่ให้เงินก้อนนี้ไปลงทุนต่อ จะไม่สามารถกู้เงินได้อีก พร้อมรับปากว่าจะเป็นคนชำระหนี้ธนาคารให้จนหมดภายใน 3 ปี เกือบ 1 ปี ทุกอย่างยังเป็นไปตามปกติ กระทั่งเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เริ่มขาดส่ง เดือนนี้มีหนังสือจากธนาคารมาทวงหนี้ และจะฟ้องยึดทรัพย์ตำรวจ 192 นาย มูลหนี้เกือบ 230 ล้านบาท
ดาบตำรวจนายหนึ่งบอกว่า กู้เงินโครงการมา 3 ล้านบาท ถูกสหกรณ์ฯ หักเงินเหลือเดือนละ 2,000 บาท เมื่อมีหนี้ธนาคารมารุมเร้าจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ วันนี้ถึงขั้นเอาปืนประจำตัวไปจำนำได้เงินกว่า 40,000 บาท มาใช้หนี้ เพื่อนหลายคนก็เดือดร้อนหนัก เพราะเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ เงินเดือนที่เหลือน้อยนิด จึงไม่พอจุนเจือครอบครัว
รองผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4 ในฐานะประธานสอบสวนข้อเท็จจริง กล่าวว่า มาตรการเยียวยาเป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ จากการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์เจ้าหนี้ทุกแห่ง ผ่อนผันให้ชำระเข้ามา 1 งวด เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ โดยในระยะ 1 ปี จะให้ผ่อนชำระเพียงเดือนละ 500 บาท บวกกับดอกเบี้ยของแต่ละคน ขณะที่สหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจเลย ขยายวงเงินกู้ฉุกเฉินเป็น 50,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ในทางคดี ประธานสอบสวนข้อเท็จจริง ระบุว่า ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นความผิดทางอาญาหรือไม่ ต้องรอสอบปากคำเจ้าของโครงการก่อน ซึ่งนัดหมายที่ตำรวจภูธรภาค 4 วันจันทร์ที่ 4 มิถุนายนนี้ จากการพูดคุยทางโทรศัพท์เบื้องต้น อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธร จังหวัดเลย รับปากว่าจะนำเงินมาคืนภายใน 2 เดือน. – สำนักข่าวไทย