กรุงเทพฯ 28 พ.ค. – นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยประเมินแนวโน้มราคาข้าวไทยครึ่งปีหลังยังสูงตามความต้องการตลาด แนะชาวนาปรับตัวปลูกข้าวตามความต้องการตลาดดันราคาเพิ่ม
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า ราคาข้าวขณะนี้ถือว่าปรับตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิขณะนี้อยู่ที่ตันละ 1,250 ดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าช่วงที่มีโครงการรับจำนำข้าว เพราะความต้องการข้าวในตลาดโลกยังมีสูงขณะที่ผลผลิตมีน้อย ขณะที่ข้าวขาวถือว่าปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ตันละ 430-435 ดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากหลายประเทศมีการนำเข้าอย่างต่อเนื่อง เช่น อินโดนีเซียนำเข้า 2 ล้านตัน ขณะนี้นำเข้าไปเพียง 1.5 ล้านตัน ส่วนฟิลิปปินส์ไทยเพิ่งชนะประมูลนำเข้าข้าว โดยประเมินว่าทิศทางราคาข้าวไทยจะดีต่อเนื่องจนถึงสิ้นปี เพราะผลผลิตมีน้อยและรัฐบาลมีการระบายข้าวในสตอกจนหมด คาดว่าการส่งออกข้าวปีนี้ไทยจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน
อย่างไรก็ตาม จากราคาข้าวไทยที่สูงขึ้น จึงอยากแนะเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศทุกพื้นที่จะต้อง ปรับตัวปลูกข้าวชนิดที่เป็นที่ต้องการของตลาดแทนการปลูกข้าวขาวทั่วไปที่ไทยมีคู่แข่งมากทั้งอินเดีย เวียดนาม โดยเฉพาะพม่าที่มีข้าวหลายสายพันธุ์ เชื่อว่าการปลูกข้าวที่เป็นที่ต้องการตลาดจะทำให้ขายข้าวราคาสูงและยังส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้ดีด้วย เช่น การปลูกข้าวพื้นนิ่ม เช่น พันธุ์ กข.21 โดยสมาคมจะร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เร่งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวพันธุ์พื้นนิ่มและจะรับซื้อไปทำตลาดให้ทั้งหมด โดยเบื้องต้นคาดว่าพื้นที่ภาคกลางจะเริ่มเพาะปลูกเดือนสิงหาคมนี้ประมาณ 10,000 ตันข้าวเปลือกก่อน โดยราคาข้าวเปลือกนิ่มน่าจะอยู่ที่ตันละ 9,000 บาทขึ้นไป ขณะที่ราคาส่งออกน่าจะเกิน 500-600 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันขึ้นไป ซึ่งหลายประเทศเริ่มสนใจบริโภคข้าวนิ่มกันมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีนและอีกหลายตลาด ดังนั้น หากเกษตรกรหันมาปลูกข้าวนิ่มมากขึ้นน่าจะทำให้การทำตลาดข้าวนิ่มทดแทนข้าวแข็งได้ดีขึ้นเพิ่มมากขึ้นได้
ส่วนปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นขณะนี้ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวระบุว่ากระทบเพียงเล็กน้อยและยังไม่จำเป็นต้องปรับราคา เชื่อว่าจะเป็นระยะสั้นเท่านั้น แต่สิ่งที่น่ากังวล คือ ปัญหาค่าเงินบาทที่ไม่มีเสถียรภาพ เพราะค่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กระทบต่อการส่งออกข้าวของไทย ถ้าเงินบาทแข็งจะทำให้ราคาสูงขึ้นการแข่งขันยาก โดยขณะนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.75 ต่อดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวดีขึ้น แต่อัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ สำหรับตัวเลขการส่งออกข้าวตั้งแต่เดือนมกราคมถึง 15 พฤษภาคม 2561 ส่งออกได้ 4.21 ตัน เป็นอันดับ 2 รองจากอินเดียที่ 4.77 ล้านตัน และคาดว่าปีนี้น่าจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน และปีนี้โดยเฉพาะวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 จะเป็นวันครบรอบ 100 ปี ทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเตรียมจัดงานข้าวไทยกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย