สนช.เปิดเวทีสัมมนาแก้ปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ 12 จังหวัด

รัฐสภา 16 พ.ค.-สนช.เปิดเวทีสัมมนา แก้ปัญหาลิง ตามแผนแม่บทบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ 12 จังหวัด เล็งหาพื้นที่ทำนิคมลิง ยก จ.ลพบุรี ภูเก็ต ต้นแบบคุมประชากรลิง และนิคมลิง ยันไม่ใช่การทารุณกรรมสัตว์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดสัมมนาเรื่อง “แนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ (ตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในจังหวัดลพบุรีอย่างยั่งยืน) โดยนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ กล่าวเปิดการสัมมนา ว่า ปัญหาลิงก็เป็นความท้าทาย เพราะบริหารจัดการลำบาก จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อแก้วิกฤติดังกล่าว แต่ทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากการทำประชาพิจารณ์ของคนในพื้นที่ก่อนว่าสามารถอยู่กับลิงได้หรือไม่ หากพื้นที่ใดยินยอมที่จะอยู่กับลิงต่อ ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดการทำหมัน ควบคุม ส่วนพื้นที่ใดที่ไม่อยากอยู่ร่วมกับลิง ก็จะเข้าสู่แผนบริหารจัดการนิคมลิง ซึ่งการนำลิงไปปล่อยเกาะเป็นอีกทางออกที่จะช่วยดูแลประชากรลิง

จากนั้นนายวัลลภ ได้มอบแผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ ให้กับรองผู้ว่าราชการจังหวัด 12 จังหวัดที่มีพื้นที่วิกฤติของลิง เพื่อให้จังหวัดนำไปบริหารจัดการ


นายจรูญ ชูเกียรติวัฒนา ปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า ในจังหวัดลพบุรี มีลิงรวมกว่า 10,000 ตัว โดยเฉพาะเขตเมืองมีกว่า 2,000 ตัว โดยในปี 2560-2561 จ.ลพบุรี ได้จัดการควบคุมประชากรลิงที่อยู่ในเขตเมืองไปแล้ว 6 ครั้ง มีการทำทะเบียนลิง และปัจจุบันมีลิงเพิ่มขึ้นมาเพียง 800-1,000 ตัว ซึ่งจะควบคุมต่อไป ขณะเดียวกันได้ตรวจโรคลิงที่อาจจะเป็นพาหะสู่คนได้ รวมถึงได้ฉีดยาโรคพิษสุนัขบ้าให้กับลิงทุกตัวแล้ว ทั้งนี้จากการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ พบว่าประชากรกว่าร้อยละ 66 อยากให้ย้ายลิงส่วนเกินที่เป็นลิงที่อาศัยในตึก หรือบ้านคน ไปอยู่ที่นิคมลิง ทั้งนี้ได้จัดทำแผนแม่บทส่งไปจังหวัดแล้ว

ด้านนายชัยณรงค์ ดูดดื่ม ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี กล่าวถึงแนวคิดการสร้างนิคมลิง ว่า สิ่งสำคัญที่สุด ต้องทำประชาพิจารณ์กับคนในพื้นที่และศึกษาผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ยังหาบริษัทที่ปรึกษาไม่ได้ เนื่องจากทีโออาร์เข้มงวดมาก หากสุดท้ายหาไม่ได้ ต้องใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบเจาะจง โดยเบื้องต้นพื้นที่ที่ จ.ลพบุรีเล็งไว้ คือ เขาพระยาเดินธง พื้นที่ 2,000 ไร่ แต่ทั้งหมดต้องดูผลการศึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาก่อน

ขณะที่นายวิศิษฏ์ อาศัยธรรมกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์ สวนสัตว์ดุสิต อธิบายลักษณะธรรมชาติของลิงที่ในอดีตสามารถอยู่ได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยว หรือคนเข้ามาให้อาหารที่มีพลังงานสูง จึงทำให้ลิงมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป และส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศสูง จึงทำให้มีประชากรลิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะต้องทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในสถานที่ที่มีลิง เพราะหากต้องการที่จะควบคุมประชากรลิง หรือไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จะต้องอยู่ที่จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวด้วย


พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองประธานคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนา ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการทำนิคมลิง ซึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อม จะทำประชาพิจารณ์กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่ามีความต้องการแบบใด ต้องการให้ลิงอยู่กับประชาชนต่อจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือจะยินยอมให้นำลิงส่วนเกินไปอยู่นิคมลิง ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามแก้ปัญหาข้อพิพาทคนและลิงมาตลอดหลาย 10 ปี ซึ่งการทำหมันเป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยได้มาก แต่ไม่เพียงพอกับการเจริญพันธุ์ของลิง ดังนั้นการทำนิคมลิงจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาในอนาคต ขอยืนยันว่ากลไกต่าง ๆ ในการโยกย้ายลิงจะคำนึงถึงสวัสดิภาพเป็นหลัก เพราะ สนช.ชุดนี้เป็นผู้ออกกฎหมาย พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีการจัดการให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนและลิงอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและมีความสุข

“ไม่ต้องกังวลใจเรื่องเอาลิงไปปล่อยเกาะ เพราะเป็นแค่ถ้อยคำเท่านั้น เกาะที่เป็นนิคมลิง จะเป็นสถานที่ให้พวกเขาได้อยู่อย่างมีความสุขจนถึงบั้นปลายชีวิต เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ เพราะเราไม่ได้ไปฆ่าหรือทำร้าย ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เราจะไม่ย้ายออกไป เป้าหมายสูงสุด คือ การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า ได้หารือกับนักวิชาการและทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มคนรักลิงและคนที่มีปัญหากับลิง ต่างยินดีที่จะให้ความเห็นเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้เกี่ยวกับการบริหารจัดการลิงที่ลพบุรี ซึ่งการดำเนินการบางเรื่องต้องใช้ระยะเวลา แต่สำหรับพื้นที่ที่เป็นปัญหาจริง ๆ อาจต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยพื้นที่ที่จะโยกย้ายลิงไป จะดูแลเป็นอย่างดีตามมาตรฐานของกฎหมาย และจะมีหน่วยงานคอยติดตามงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่จะใช้ทำนิคมลิงนั้น เบื้องต้นจะใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นต้นแบบ เพราะมีการดำเนินการเรื่องนี้มานานพอสมควร โดยมีการลงพื้นที่สำรวจเกาะ 5 เกาะที่มีความพร้อมในระดับหนึ่ง แต่จำเป็นต้องเติมให้สมบรูณ์ เช่น แหล่งอาหาร แหล่งน้ำจืด เมื่อมีความพร้อมแล้ว จึงจะมีการจัดทำประชาพิจารณ์กับประชาชน หากทุกฝ่ายมีข้อคิดเห็นอย่างไร สามารถเสนอมายัง สนช.ได้

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เทศบาลตำบลป่าคลอก จ.ภูเก็ต จะมีการทำประชาพิจารณ์ทั้ง 5 เกาะในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยจะสอบถามว่าหากจะต้องการให้ย้ายลิงส่วนเกินไปจากพื้นที่ จะนำไปไว้ที่ใด โดยจะชี้แจงขั้นตอนต่าง ๆ ให้ประชาชนเข้าใจ หากประชาชนเห็นด้วยก็พร้อมที่จะย้ายทันที แต่หากประชาชนยืนยันพอใจจะอยู่ร่วมกับลิง ก็ไม่มีปัญหา โดยจะจัดการทำหมัน หรือเติมเต็มระบบนิเวศในบริเวณชุมชนให้รองรับการอยู่ร่วมกันได้ ส่วนงบประมาณที่จะใช้โครงการนี้ คาดว่าจะใช้ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นแหล่งธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ที่กังวลคือไม่อยากให้ระบบนิเวศเดิมของเกาะต่าง ๆ ที่จะทำนิคมลิงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสัตว์ที่อยู่อาศัยเดิม หรือพืชพันธุ์ต่าง ๆ เพียงแต่ต้องมีการเติมเต็มในสิ่งที่ลิงต้องการเพื่อใช้เป็นอาหาร และเป็นกระบวนการทดลองเบื้องต้นเพื่อหาทางออก หากทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือหลายฝ่ายไม่สบายใจ หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะแสวงหาวิธีการอื่นต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]