รัฐสภา 16 พ.ค.-สนช.เปิดเวทีสัมมนา แก้ปัญหาลิง ตามแผนแม่บทบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ 12 จังหวัด เล็งหาพื้นที่ทำนิคมลิง ยก จ.ลพบุรี ภูเก็ต ต้นแบบคุมประชากรลิง และนิคมลิง ยันไม่ใช่การทารุณกรรมสัตว์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จัดสัมมนาเรื่อง “แนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ (ตามยุทธศาสตร์แผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในจังหวัดลพบุรีอย่างยั่งยืน) โดยนายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ประธานคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ กล่าวเปิดการสัมมนา ว่า ปัญหาลิงก็เป็นความท้าทาย เพราะบริหารจัดการลำบาก จึงต้องเตรียมความพร้อมเพื่อแก้วิกฤติดังกล่าว แต่ทั้งหมดต้องเริ่มต้นจากการทำประชาพิจารณ์ของคนในพื้นที่ก่อนว่าสามารถอยู่กับลิงได้หรือไม่ หากพื้นที่ใดยินยอมที่จะอยู่กับลิงต่อ ก็จะเข้าสู่กระบวนการจัดการทำหมัน ควบคุม ส่วนพื้นที่ใดที่ไม่อยากอยู่ร่วมกับลิง ก็จะเข้าสู่แผนบริหารจัดการนิคมลิง ซึ่งการนำลิงไปปล่อยเกาะเป็นอีกทางออกที่จะช่วยดูแลประชากรลิง
จากนั้นนายวัลลภ ได้มอบแผนแม่บทการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤติ ให้กับรองผู้ว่าราชการจังหวัด 12 จังหวัดที่มีพื้นที่วิกฤติของลิง เพื่อให้จังหวัดนำไปบริหารจัดการ
นายจรูญ ชูเกียรติวัฒนา ปศุสัตว์จังหวัดลพบุรี กล่าวว่า ในจังหวัดลพบุรี มีลิงรวมกว่า 10,000 ตัว โดยเฉพาะเขตเมืองมีกว่า 2,000 ตัว โดยในปี 2560-2561 จ.ลพบุรี ได้จัดการควบคุมประชากรลิงที่อยู่ในเขตเมืองไปแล้ว 6 ครั้ง มีการทำทะเบียนลิง และปัจจุบันมีลิงเพิ่มขึ้นมาเพียง 800-1,000 ตัว ซึ่งจะควบคุมต่อไป ขณะเดียวกันได้ตรวจโรคลิงที่อาจจะเป็นพาหะสู่คนได้ รวมถึงได้ฉีดยาโรคพิษสุนัขบ้าให้กับลิงทุกตัวแล้ว ทั้งนี้จากการทำประชาพิจารณ์ในพื้นที่ พบว่าประชากรกว่าร้อยละ 66 อยากให้ย้ายลิงส่วนเกินที่เป็นลิงที่อาศัยในตึก หรือบ้านคน ไปอยู่ที่นิคมลิง ทั้งนี้ได้จัดทำแผนแม่บทส่งไปจังหวัดแล้ว
ด้านนายชัยณรงค์ ดูดดื่ม ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สาขาสระบุรี กล่าวถึงแนวคิดการสร้างนิคมลิง ว่า สิ่งสำคัญที่สุด ต้องทำประชาพิจารณ์กับคนในพื้นที่และศึกษาผลกระทบ ซึ่งขณะนี้ยังหาบริษัทที่ปรึกษาไม่ได้ เนื่องจากทีโออาร์เข้มงวดมาก หากสุดท้ายหาไม่ได้ ต้องใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบเจาะจง โดยเบื้องต้นพื้นที่ที่ จ.ลพบุรีเล็งไว้ คือ เขาพระยาเดินธง พื้นที่ 2,000 ไร่ แต่ทั้งหมดต้องดูผลการศึกษาจากบริษัทที่ปรึกษาก่อน
ขณะที่นายวิศิษฏ์ อาศัยธรรมกุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการสวนสัตว์ สวนสัตว์ดุสิต อธิบายลักษณะธรรมชาติของลิงที่ในอดีตสามารถอยู่ได้ตามธรรมชาติ แต่เมื่อมีนักท่องเที่ยว หรือคนเข้ามาให้อาหารที่มีพลังงานสูง จึงทำให้ลิงมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป และส่งผลต่อพฤติกรรมทางเพศสูง จึงทำให้มีประชากรลิงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นจะต้องทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยวและประชาชนในสถานที่ที่มีลิง เพราะหากต้องการที่จะควบคุมประชากรลิง หรือไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม จะต้องอยู่ที่จิตสำนึกของนักท่องเที่ยวด้วย
พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองประธานคณะกรรมการติดตามกลไกและพิจารณาการปกป้องคุ้มครองสัตว์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการสัมมนา ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมการทำนิคมลิง ซึ่งเมื่อทุกอย่างพร้อม จะทำประชาพิจารณ์กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบว่ามีความต้องการแบบใด ต้องการให้ลิงอยู่กับประชาชนต่อจะต้องดำเนินการอย่างไร หรือจะยินยอมให้นำลิงส่วนเกินไปอยู่นิคมลิง ซึ่งที่ผ่านมามีความพยายามแก้ปัญหาข้อพิพาทคนและลิงมาตลอดหลาย 10 ปี ซึ่งการทำหมันเป็นกระบวนการหนึ่งที่ช่วยได้มาก แต่ไม่เพียงพอกับการเจริญพันธุ์ของลิง ดังนั้นการทำนิคมลิงจึงเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาในอนาคต ขอยืนยันว่ากลไกต่าง ๆ ในการโยกย้ายลิงจะคำนึงถึงสวัสดิภาพเป็นหลัก เพราะ สนช.ชุดนี้เป็นผู้ออกกฎหมาย พ.ร.บ.ทารุณกรรมสัตว์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีการจัดการให้ดีที่สุด เพื่อให้ประชาชนและลิงอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและมีความสุข
“ไม่ต้องกังวลใจเรื่องเอาลิงไปปล่อยเกาะ เพราะเป็นแค่ถ้อยคำเท่านั้น เกาะที่เป็นนิคมลิง จะเป็นสถานที่ให้พวกเขาได้อยู่อย่างมีความสุขจนถึงบั้นปลายชีวิต เรื่องนี้ไม่ถือว่าขัดต่อกฎหมายทารุณกรรมสัตว์ เพราะเราไม่ได้ไปฆ่าหรือทำร้าย ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ เราจะไม่ย้ายออกไป เป้าหมายสูงสุด คือ การอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข” พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวด้วยว่า ได้หารือกับนักวิชาการและทุกฝ่าย ทั้งกลุ่มคนรักลิงและคนที่มีปัญหากับลิง ต่างยินดีที่จะให้ความเห็นเพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้เกี่ยวกับการบริหารจัดการลิงที่ลพบุรี ซึ่งการดำเนินการบางเรื่องต้องใช้ระยะเวลา แต่สำหรับพื้นที่ที่เป็นปัญหาจริง ๆ อาจต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว โดยพื้นที่ที่จะโยกย้ายลิงไป จะดูแลเป็นอย่างดีตามมาตรฐานของกฎหมาย และจะมีหน่วยงานคอยติดตามงานอย่างต่อเนื่อง สำหรับพื้นที่จะใช้ทำนิคมลิงนั้น เบื้องต้นจะใช้จังหวัดภูเก็ตเป็นต้นแบบ เพราะมีการดำเนินการเรื่องนี้มานานพอสมควร โดยมีการลงพื้นที่สำรวจเกาะ 5 เกาะที่มีความพร้อมในระดับหนึ่ง แต่จำเป็นต้องเติมให้สมบรูณ์ เช่น แหล่งอาหาร แหล่งน้ำจืด เมื่อมีความพร้อมแล้ว จึงจะมีการจัดทำประชาพิจารณ์กับประชาชน หากทุกฝ่ายมีข้อคิดเห็นอย่างไร สามารถเสนอมายัง สนช.ได้
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เทศบาลตำบลป่าคลอก จ.ภูเก็ต จะมีการทำประชาพิจารณ์ทั้ง 5 เกาะในพื้นที่ที่มีปัญหา โดยจะสอบถามว่าหากจะต้องการให้ย้ายลิงส่วนเกินไปจากพื้นที่ จะนำไปไว้ที่ใด โดยจะชี้แจงขั้นตอนต่าง ๆ ให้ประชาชนเข้าใจ หากประชาชนเห็นด้วยก็พร้อมที่จะย้ายทันที แต่หากประชาชนยืนยันพอใจจะอยู่ร่วมกับลิง ก็ไม่มีปัญหา โดยจะจัดการทำหมัน หรือเติมเต็มระบบนิเวศในบริเวณชุมชนให้รองรับการอยู่ร่วมกันได้ ส่วนงบประมาณที่จะใช้โครงการนี้ คาดว่าจะใช้ไม่มาก เพราะส่วนใหญ่เป็นแหล่งธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ที่กังวลคือไม่อยากให้ระบบนิเวศเดิมของเกาะต่าง ๆ ที่จะทำนิคมลิงได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสัตว์ที่อยู่อาศัยเดิม หรือพืชพันธุ์ต่าง ๆ เพียงแต่ต้องมีการเติมเต็มในสิ่งที่ลิงต้องการเพื่อใช้เป็นอาหาร และเป็นกระบวนการทดลองเบื้องต้นเพื่อหาทางออก หากทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ หรือหลายฝ่ายไม่สบายใจ หรือไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก็จะแสวงหาวิธีการอื่นต่อไป.-สำนักข่าวไทย