ชัยภูมิ 8 ธ.ค.-สาววัย 37 เข้าแจ้งความคลินิกเสริมความงาม ทำศัลยกรรมเสริมจมูกแล้วแผลบวมไม่หาย ซิลิโคนที่หมอใส่ให้ยาวเกินจนเลยหว่างคิ้ว
นางสุภาพ ดีบุญมี ณ ชุมแพ อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81/2 ม.6 ต.ผักปัง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ เข้าแจ้งความกับ พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เนื่องจากได้ไปทำศัลยกรรมจมูกที่คลินิกแห่งหนึ่งในอำเภอชุมแพ แล้วประสบปัญหาแผลบวมไม่หาย เนื่องจากซิลิโคนที่หมอใส่มานั้นยาวเกินจนเลยหว่างคิ้ว ทำให้แผลบวมต้องหาหมอข้างนอกเเละกินยาแก้ปวดบรรเทาไว้ตลอดเวลา 4 เดือน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 31 ก.ค.59 ที่ผ่านมา ผู้เสียหายได้ไปทำศัลยกรรมเสริมจมูกโดยใส่ซิลิโคนจากอเมริกา (หมอคนที่ทำให้บอก) ที่คลินิกแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในตัวเมืองเขตเทศบาลเมืองชุมแพ โดยการชักชวนเเนะนำจากโฆษณาของคลินิก โดยการเข้าไปผ่าตัดที่จมูกแล้วใส่ซิลิโคนเข้าไปในจมูก โดยหมอทำการผ่าตัดทำศัลยกรรมให้ ใช้เวลาที่คลินิกประมาณชั่วโมงครึ่ง หลังจากนั้นก็กลับบ้าน แล้วเกิดอาการข้างเคียงคือปวดแผลตลอด พอครบ 4 วัน ปวดมากจึงถามไปยังคลินิกดังกล่าว ทางคลินิกบอกว่า ให้ไปฉีดยาแก้อักเสบ ก็ไปฉีดที่คลินิก 1 เข็ม โดยมีผู้หญิงมาฉีดให้ จากนั้น 15 วันผ่านไปตามที่คุณหมอนัดตัดไหม ก็กลับมาที่คลินิกอีกครั้งเพื่อตัดไหม พอตัดไหมเสร็จ ก็ได้ปรึกษากับคุณหมอว่าทำไมจมูกอยู่สูงมาก มองดูแล้วว่าไม่สวยเลย หมอก็จับกดจมูกอย่างแรง จนทำให้ปวดบวมอักเสบอีกครั้ง
แล้วหมอยังสั่งอีกว่าให้กดทุกๆ ชั่วโมง ชั่วโมงละ 30 วินาที นานติดต่อกัน 5 วัน แล้วซิลิโคนจะค่อยๆเลื่อนลงมาเอง เมื่อมาทำอย่างที่หมอแนะนำแล้วซิลิโคนที่หมอใส่ให้มาขนาดยาวก็ไม่ยอมเลื่อนลงมาสักที มีแต่เพิ่มความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
นางสุภาพ เล่าว่าทำมา 4 เดือนกว่า อาการปวดยังไม่หายจึงได้ไปทำการเอ็กซเรย์ พบว่า ซิลิโคนแทงขึ้นสูงเกินเหนือหว่างคิ้ว จึงทำให้แผลอักเสบไม่หายสักที เมื่อเรียกร้องทวงถามความรับผิดชอบทางคลินิกก็ไม่รับผิดชอบแต่อย่างใด เพียงแต่บอกให้มาผ่าแก้ไข จะทำให้ ซึ่งเท่ากับว่าต้องเจ็บตัวอีกครั้ง โดนก่อนทำก็ได้พูดคุยตกลงก่อนทำจมูกอยู่แล้ว ว่าต้องการแบบไหน ซึ่งตลอดระยะเวลาสามสี่เดือนที่ผ่านมา ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบยากลำบากต้องอยู่กับความเครียด ออกไปทำงานร่วมกับคนอื่นก็ไม่ได้ เพราะอาย ทำให้รายได้ก็หายไปเกือบครึ่ง ออกไปร่วมงานสังคมก็ถูกมองและตั้งคำถามตลอดก็เลยไม่กล้าออกไปร่วมงานอีก ทำให้เกิดความอับอายอย่างมาก จากเดือนหนึ่งมีงานมีรายได้แต่ต้องหายไป เพราะมานั่งเครียดกับการรักษาตัวและอาย ไม่อยากให้คนอื่นถูกกระทำจากคลินิกดังกล่าวแล้วเกิดเสียหายเหมือนตนเอง จึงตัดสินใจเข้าแจ้งความในครั้งนี้ไว้เป็นหลักฐานเพื่อเรียกร้องค่าเสียหาย ก่อนจะเดินทางเข้าร้องเรียนที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดขอนแก่นต่อไป.-สำนักข่าวไทย