มธ.จัดเสวนา “อภิวัฒน์สยาม 2562

ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ 11 พ.ค.- มธ.จัดเสวนา “อภิวัฒน์สยาม 2562 : ความหวังและอนาคตประเทศไทย”  นักการเมือง ระบุ หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะยกเลิก รธน.60 แล้วร่างใหม่ ยืนยัน ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี


มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาเรื่อง “อภิวัฒน์สยาม 2562 : ความหวังและอนาคตประเทศไทย” โดยมีตัวแทนพรรคการเมือง ได้แก่ น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล จากพรรคเพื่อไทย น.ส.รัชดา ธนาดิเรก จากพรรคประชาธิปัตย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา และนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ร่วมอภิปราย

นายวราวุธ กล่าวว่า การเลือกตั้งในปี 2562 เป็นเรื่องสำคัญ ส่วนตัวมองว่า ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ 2560 หลังการเลือกตั้ง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้เพียงบางส่วน ปัญหาต่าง ๆ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการเลือกตั้งเพียงครั้งเดียว แต่ก็ถือว่า การเลือกตั้งในปี 2562 จะทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในประเทศไทยได้ ดังนั้น คนไทยควรออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แม้ส่วนตัวจะไม่เชื่อว่า จะเปลี่ยนแปลงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นในการไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป


น.ส.รัชดา กล่าวว่า เมื่อมีการเลือกตั้ง สิ่งดี ๆ ก็จะตามมา แต่สิ่งดี ๆ จะต้องมาภายใต้เงื่อนไข 2 ประการ คือ ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งต้องมาจากประชาชนอย่างแท้จริง และประชาชนต้องรู้เท่าทันนโยบายของพรรคการเมือง แม้ว่าเวลานี้ คสช.จะห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ประชาชนจะศึกษาเรื่องการเมือง  หลังการเลือกตั้ง ทุกคนต้องช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชาธิปไตย ไม่มีการผูกขาด สังคมมีความเสมอภาค

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า มีความหวังว่าการเลือกตั้งปีหน้าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของประเทศ จะเป็นการเลือกตั้งของคนรุ่นใหม่กว่า 8 ล้านคนในประเทศ เชื่อว่าคนรุ่นใหม่อยากเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมือง และไม่ใช่แค่เพียงคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่คนที่มีสิทธิ์เลือกตั้งอยู่แล้ว ก็ต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลงประเทศเช่นกัน เพราะที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำมามากแล้ว การรัฐประหารไม่ได้ทำให้ประเทศดีขึ้น แต่ควรทำให้กลับเข้าสู่ประชาธิปไตยเหมือนเดิม ระบอบประชาธิปไตยอาจไม่ได้ดีที่สุด แต่สวยงามที่สุด ส่วนตัวอยากเห็นว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่มีอำนาจนอกระบบ

นายธนาธร กล่าวว่า หากการเลือกตั้งเกิดขึ้นจริงในปี 2562 ควรนำสิ่งที่การอภิวัฒน์ในปี 2475 ทำไม่สำเร็จมาทำให้เกิดผลสำเร็จ นั่นก็คือ อำนาจสูงสุดของประเทศจะต้องเป็นของประชาชน


จากนั้น เวทีเสวนาได้อภิปรายถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ ซึ่งนายวราวุธ กล่าวว่า การเข้าถึงโอกาสในประเทศไทยยังมีความไม่เท่าเทียมกันอยู่ ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล การเก็บภาษี เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าว ไม่สามารถแก้ไขได้ภายใน 1-2 รัฐบาล แต่ต้องค่อย ๆ แก้ไข

ด้านนางรัชดา กล่าวว่า ทุกครั้งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารประเทศ มักจะเป็นช่วงที่ต้องฟื้นฟูประเทศในยุคที่สถานการณ์บ้านเมืองวิกฤติและวุ่นวาย ดังนั้น การบริหารประเทศจึงต่างจากรัฐบาลอื่น ทั้งนี้ มองว่า การลดความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ ต้องส่งเสริมให้เกษตรกรมีความเข้มแข็ง และหัวใจสำคัญของการลดความเหลื่อมล้ำคือ การศึกษา ที่ยังดีไม่มากพอจะรองรับเยาวชนจำนวนมาก ดังนั้น ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาด้วยการกระจายอำนาจให้โรงเรียนในแต่ละพื้นที่มีอำนาจในการออกแบบหลักสูตร มีอำนาจคัดสรรผู้อำนวยการและครูที่ดีที่สอนให้เยาวชนมีทักษะด้านต่างๆ ทุกคนในจังหวัดต้องมีส่วนร่วมในการเป็นเจ้าของโรงเรียน

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า หากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเข้าถึงท้องถิ่น จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตขึ้น และทำให้คนต่างจังหวัดรู้สึกถึงความเท่าเทียมกัน ตลอดจนทำให้ความเหลื่อมล้ำลดลง ฐานภาษีใหญ่ขึ้นเพราะคนมีรายได้มากขึ้น และสามารถนำเงินภาษีไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เช่นเดียวกับ นายธนาธร ที่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจให้เข้าถึงประชาชนและท้องถิ่น เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ได้นำทรัพยากรของประเทศไปใช้ พลังพัฒนาเศรษฐกิจจะถูกปลดปล่อย เพราะตนไม่เชื่อว่าคนต่างจังหวัดโง่หรือไม่มีศักยภาพในการพัฒนา แต่เพราะไม่มีอำนาจในการกำหนดอนาคต

ต่อมาเวทีการเสวนาได้เปิดให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นว่า หากผู้อภิปรายมีโอกาสได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะทำอย่างไรนายวราวุธ กล่าวว่า ประเทศไทยจะก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง คือ กฎกติกาในการบริหารประเทศ การมีรัฐธรรมนูญที่มาจากทุกภาคส่วน ดังนั้น ตนอยากตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.)ใหม่

น.ส.รัชดา กล่าวว่า หากตนเป็นนายกรัฐมนตรี จะกระจายอำนาจให้ครอบคลุมทุกเรื่อง โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ ที่ต้องกระจายอำนาจจากตำรวจที่อยู่ศูนย์กลางไปสู่ภูธร รวมถึงต้องกระจายอำนาจด้านการศึกษา สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน พัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการในพื้นที่ ตลอดจนกระจายอำนาจการปกครอง โดยผลักดันให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด ที่มาจากการเลือกของประชาชนในจังหวัดโดยตรง

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า สิ่งที่ตนจะทำสิ่งแรกคือ การแก้รัฐธรรมนูญ โดยอาจต้องทำประชามติเพื่อนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาใช้ จากนั้น มาร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่แล้วทำประชามติอีกครั้ง เพราะรัฐธรรมนูญต้องไปข้างหน้า โดยให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญ สำหรับยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ส่วนตัวมองว่า ไม่จำเป็น เพราะไม่สามารถวางกรอบประเทศไทยได้ว่าอีก 20 ปีจะเป็นอย่างไร และการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

เช่นเดียวกับ นายธนาธร ที่เห็นด้วยว่าควรยกเลิกการบังคับใช้รัฐธรรมนูญปี 2560 เพราะอำนาจการสถาปนารัฐธรรมนูญเป็นของประชาชน มี สสร.ที่มาจากประชาชน และต้องนำสิ่งที่ไม่ใช่ประชาธิปไตยออกไปจากรัฐธรรมนูญ 2560

จากนั้น ผู้ร่วมอภิปรายได้กล่าวถึงการแก้ปัญหาด้านการศึกษา โดยนายวราวุธ กล่าวว่า ควรปรับเปลี่ยนแนวทางการสอน เพิ่มวิชาทางเลือก ให้ความสำคัญทั้งการเรียนในห้องเรียนและนอกห้องเรียน

น.ส.รัชดา ย้ำว่า ต้องกระจายอำนาจการศึกษาไปสู่ท้องถิ่น ทำให้ทุกคนในท้องถิ่นรวมทั้งผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมในการศึกษา สนับสนุนการศึกษาสายอาชีวะมากขึ้น

น.ส.ขัตติยา กล่าวว่า สนับสนุนให้คนทุกเพศทุกวัยเข้าถึงการศึกษา ยกระดับการศึกษาอาชีวะให้เป็นระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้ได้รับใบปริญญาตรี ไม่ใช่เพียงแค่ประกาศนียบัตร เพื่อทำให้ผู้ที่จบการศึกษาอาชีวะไม่ด้อยค่ากว่าผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรี เช่นเดียวกับ นายธนาธร ที่เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจการศึกษาให้กับท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นสามารถจัดการในเรื่องการศึกษาได้

ส่วนข้อเสนอที่อยากให้มีการเปิดบ่อนเสรีในประเทศไทย ผู้อภิปรายมีความเห็นในทิศทางเดียวกันว่า สามารถเปิดได้ แต่ต้องควบคุมเข้มงวด เพราะการพนันยังถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในประเทศไทย แต่นายธนาธร กลับเห็นต่างว่า การเปิดบ่อนเสรีไม่ควรเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ควรเป็นอำนาจการตัดสินใจของแต่ละจังหวัด ซึ่งการตัดสินใจว่าจะเปิดบ่อนหรือไม่ ควรเป็นไปตามหลักนิติรัฐ และประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมได้

ทั้งนี้ ในช่วงท้าย เวทีเสวนาได้เปิดให้ผู้ฟังร่วมซักถาม ซึ่งมีประเด็นเรื่องการทำให้คนรุ่นใหม่ตื่นตัวด้านการเมือง การดูดตัวนักการเมือง การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง

นายวราวุธ กล่าวว่า ปัจจุบันไม่จำเป็นต้องปลุกระดมนักศึกษาหรือคนรุ่นใหม่ให้ตื่นตัวทางด้านการเมือง ส่วนเรื่องการดูดตัวนักการเมืองนั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ให้ดินกลบหน้าตนก่อน ตนจึงจะลาออกจากพรรคชาติไทยพัฒนา และพล.อ.ประยุทธ์ ต้องกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีตามระบบเท่านั้น จึงจะสนับสนุน

ด้านน.ส.ขัตติยา กล่าวว่า ตนคงไม่ถูกดูดจากพรรคการเมืองใด เพราะมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน พร้อมมองว่า คนที่ถูกดูด ถือว่า เป็นคนที่ดูถูกประชาชน เพราะไม่มีความมั่นคงในอุดมการณ์ของตนเอง พร้อมปฏิเสธว่า ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะไม่สนับสนุนเผด็จการ

เช่นเดียวกับ นายธนาธร เห็นด้วยกับน.ส.ขัตติยาว่า นักการเมืองที่ถูกดูดคือผู้ที่ทรยศประชาชน และทรยศกับจรรยาบรรณวิชาชีพ และเห็นว่า ต้องเลิกทำให้การเมืองเป็นเรื่องน่ากลัว สามารถพูดคุยความเห็นต่างได้ ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งนั้น ตนมองว่า การเลือกตั้งปี 2562 อาจจะยังไม่เกิดขึ้น ดังนั้น การแสดงออกของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทุกคนอย่ากลัวและต้องกล้าที่จะแสดงออกเพื่ออภิวัฒน์สังคมได้อีกครั้งหนึ่ง .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 15 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนฝนตกหนักบางแห่งบริเวณ จ.เชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน หนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร นครพนม และตราด ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูงประมาณ […]

ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรง “แพทองธาร” คลิปคุย “ฮุนเซน”

กทม. 14 ก.ค. – ป.ป.ช. มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนจริยธรรมร้ายแรงต่อ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ปมคลิปเสียงคุยกับ “ฮุน เซน” ที่สำนักงาน ป.ป.ช. วันนี้มีรายงานว่าคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ได้ประชุม และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้แต่งตั้งองค์คณะไต่สวน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กรณีปรากฏคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งบริเวณแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา โดยนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และนายประภาศ คงเอียด กรรมการ ป.ป.ช. ร่วมเป็นองค์คณะไต่สวน การตั้งองค์คณะไต่สวนครั้งนี้ เป็นไปตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา51 ซึ่งเปิดช่องให้ ป.ป.ช. ตั้งกรรมการไม่น้อยกว่า 2 คนไต่สวนได้ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับสูงมีผลกระทบต่อสาธารณะอย่างกว้างขวางหรือเกี่ยวพันกับองค์กรตุลาการ ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องไว้พิจารณาเบื้องต้น และมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 10 วัน โดยให้มีการถอดเทปคำสนทนาและจัดทำคำแปลจากภาษาต่างประเทศอย่างถูกต้อง ครอบคลุมการสอบพยาน และการศึกษา คดีเปรียบเทียบ เช่น […]

เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ลาสิกขา ปมโอน 13 ล้าน

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ค. – เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ สมัครใจลาสิกขา หลังโอนเงินกว่า 13 ล้าน ให้ “สีกากอล์ฟ” ยืนยันไม่มีสัมพันธ์เชิงชู้สาว แต่ยอมรับว่า “อ่อนต่อโลก” พระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำพิธีลาสิกขาด้วยความสมัครใจในวันนี้ ภายหลังจากเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ลงพื้นที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัด พร้อมสอบปากคำพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสฯ นานเกือบ 3 ชั่วโมง พันตำรวจโท สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ท. เปิดเผยว่า อดีตเจ้าอาวาสฯ เต็มใจลาสิกขา เข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เพราะจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟ พบว่า เส้นเงินถูกโอนจากบัญชีส่วนตัวของอดีตเจ้าอาวาสฯ ซึ่งเจ้าตัวยอมรับว่า เป็นเงินที่ได้มาจากการรับกิจนิมนต์และสอนหนังสือ โดยโอนไปให้สีกากอล์ฟ รวม 12.8 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีเงินจากบัญชีวัดอีก 3.8 แสนบาท ซึ่งมีทั้งโอนผ่านโทรศัพพ์และให้เป็นเงินสด เริ่มโอนตั้งแต่เดือนมกราคมไปจนถึงเดือนกรกฎาคม 2567 ซึ่งในเดือนเดียวกันพบว่าโอนให้สีกากอล์ฟ […]

แก๊งจีนดำลวงเพื่อนร่วมชาติเรียกค่าไถ่ สังหารโหด

เชียงราย 14 ก.ค. – ตำรวจเร่งคลี่คลายคดีแก๊งจีนดำฆ่าจีนเทา หลอกเพื่อนร่วมชาติมาเรียกค่าไถ่ที่เชียงใหม่ สังหารโหด และนำศพทิ้งกลางป่า ตำรวจพบศพนายหยาง อายุ 24 ปี สัญชาติจีน ถูกห่อด้วยถุงดำ และผ้าปูที่นอน แล้วใช้ผ้ายางพลาสติกห่อทับอีกชั้น ถูกนำมาทิ้งไว้ที่ป่าละเมาะข้างทางริมถนน ใกล้กับหมู่บ้านป่าเหว ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ โดยก่อนหน้านี้ ได้รับการร้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาวของนายหยางให้ช่วยติดตามตัวน้องชาย หลังข้ามชายแดนมาจากเขตเศรษฐกิจพิเศษคิงส์โรมัน ในฝั่งลาว ผ่าน ตม.สบรวก อำเภอเชียงแสน ที่ จ.เชียงราย มาพร้อมกับนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนอีกคนหนึ่ง โดยจ้างแท็กซี่เดินทางมายังเชียงใหม่ เมื่อ 8 กรกฎาคมที่ผ่านมาและหายตัวไป ก่อนถูกเรียกค่าไถ่ 3 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พลตำรวจโทกฤตธาพล ยี่สาคร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า พบตัวนายฮูกัง เพื่อนชาวจีนที่เดินทางมากับนายหยาง และอ้างว่า ถูกนายซาง เบนซิน และนายหวังซวง นัดหมายให้พานายหยาง […]