เพิร์ธ ออสเตรเลีย 8 พ.ค. – บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตรจากประเทศออสเตรเลีย ทำโครงการซื้อขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยระบบอินเทอร์เน็ต ในโครงการอสังหาริมทรัพย์ T77 ของบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ชูจุดขายผู้ร่วมโครงการ “จ่ายค่าไฟถูกลง และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” (Low Cost , Low Carbon)
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันการจัดการด้านพลังงานนับเป็นความท้าทายในระดับโลกอย่างหนึ่ง นอกจากการสรรหาแหล่งพลังงานทางเลือกใหม่อย่างพลังงานหมุนเวียนที่กลายมาเป็นวิธีหลักในการจัดการกับปัญหาการขาดแคลนพลังงานแล้ว การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ผนวกกับแนวคิดเรื่อง Sharing Economy ทำให้การใช้ไฟฟ้าในชีวิตประจำวันกำลังเปลี่ยนโฉมตามไปด้วย จากการผลิตโดยโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ส่งผ่านสายส่งกระจายไปยังผู้ใช้ สู่การที่ผู้บริโภคสามารถผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองและขายให้ผู้อื่นได้โดยผ่านอินเทอร์เน็ต
ล่าสุดบีซีพีจี ได้จับมือพันธมิตรบริษัท พาวเวอร์ เล็ดเจอร์ ที่ประสบความสำเร็จจากโครงการที่อยู่อาศัย White Gum Valley เมืองฟรีแมนเทิล ประเทศออสเตรเลีย โดยใช้เทคโนโลยี Blockchain สร้างระบบผลิตและซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยในโครงการดังกล่าวมีผู้อยู่อาศัย 80 ครัวเรือน ติดตั้งแผงโซลาร์ 150 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่ 300 กิโลวัตต์ชั่วโมง พร้อมเชื่อมต่อกับเครือข่ายไฟฟ้าของการไฟฟ้าท้องถิ่น เป็นการผลิตไฟฟ้าใช้เองและแลกเปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าระหว่างกันในชุมชนได้ถึงร้อยละ 70 รวมทั้งยังสามารถขายพลังงานไฟฟ้าที่เหลือใช้กลับไปยังเครือข่ายไฟฟ้าได้ด้วย ขณะที่เทคโนโลยี Blockchain นอกจากจะอำนวยความสะดวกและบันทึกการทำธุรกรรมซื้อ-ขายไฟฟ้าผ่านระบบออนไลน์แล้ว ยังมีความปลอดภัยและสามารถควบคุมการใช้พลังงานแต่ละวันได้อีกด้วย จึงทำให้ทุกคนสามารถมีไฟฟ้าใช้จากพลังงานสะอาด หรือผลิตได้เองด้วยต้นทุนที่เหมาะสม (Low Cost, Low Carbon) โดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่อยู่ในโครงการจ่ายค่าไฟฟ้าถูกกว่าอัตราปกติประมาณร้อยละ 25
สำหรับโครงการต้นแบบของบีซีพีจี ในประเทศไทยได้ร่วมกับบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่แสนสิริ ทาวน์ สุขุมวิท 77 หรือ T77 ในเฟสแรก มีผู้ร่วมโครงการ 3 หน่วยงานหลัก ได้แก่ ศูนย์การค้าฮาบิโตะมอลล์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 55 กิโลวัตต์) โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ (กำลังการผลิตติดตั้ง 230 กิโลวัตต์) และโครงการคอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนต์ พาร์ค คอร์ท สุขุมวิท 77 (Park Court Sukhumvit 77) โดยบริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) (กำลังการผลิตติดตั้ง 180 กิโลวัตต์) คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าต้นเดือนมิถุนายนนี้ และจะขยายโครงการต่อไป โดยพาวเวอร์ เล็ดเจอร์ จะเข้ามาวางระบบการซื้อขายไฟฟ้าแบบ peer to peer trading และการบริหารจัดการไฟฟ้า ในลักษณะเดียวกับโครงการ White Gum Valley ที่ออสเตรเลีย ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นจุดเริ่มในการสร้างโอกาสให้ทุกคน ทุกภาคส่วนทั่วโลกสามารถเข้าถึงพลังงานสะอาดได้ตาม แนวคิด “Energy for Everyone” ของบีซีพีจี
“สำหรับการเปลี่ยนโฉมของระบบพลังงานไม่ใช่ความท้าทายด้านเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์เรื่องการกระจายอานาจไปสู่ผู้บริโภคนั้น ได้รับการคิดค้นมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว และมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง มองว่าความท้าทายของการเปลี่ยนแปลง คือ ความรู้ความเข้าใจ และการยอมรับการปรับเปลี่ยน ซึ่งในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาบีซีพีจี ได้พูดคุยเจรจาและทำข้อตกลงกับพันธมิตรหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น แสนสิริ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และกลุ่มบางจากคอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่ากำลังร่วมกันปรับเปลี่ยนเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนและประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวม” นายบัณฑิต กล่าว.-สำนักข่าวไทย