นนทบุรี 4 พ.ค. – พาณิชย์ยันร้านธงฟ้าประชารัฐไม่สามารถเรียกเก็บค่ารูดบัตรประชารัฐ หากพบกระทำผิดตามเงื่อนไขจะดำเนินเพิกถอนสิทธิทันที ขณะที่คลัง-กรมบัญชีกลาง-กรมสรรพากรแจงบ่ายนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่ในช่วงบ่ายวันนี้ (4 พ.ค.) กระทรวงการคลัง กรมบัญชีกลาง และกรมสรรพากร เตรียมชี้แจงกรณีการเรียกเก็บค่ารูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมการค้าภายใน ได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลช่วยเหลือค่าครองชีพผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้สามารถซื้อสินค้าที่ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่มีการติดตั้งเครื่อง EDC ในวงเงินที่รัฐบาลกำหนดตามระดับรายได้ต่อปีของผู้ถือบัตรฯ คือ 200 บาท 300 บาท และ 500 บาท สำหรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาอาชีพ โดยกรมการค้าภายในได้กำหนดหลักเกณฑ์การเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐที่ร้านค้าต้องปฏิบัติ เช่น ให้มีการจำหน่ายสินค้าธงฟ้าประชารัฐในราคาไม่สูงกว่าที่กรมฯ กำหนด ไม่ฉวยโอกาสปรับราคาจำหน่ายสูงขึ้น ต้องปิดป้ายแสดงราคา ห้ามคิดเงินเพิ่มจากราคาสินค้า เช่น คิดค่ารูดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐคิดภาษีมูลค่าเพิ่มซ้ำซ้อน คิดค่าธรรมเนียม เป็นต้น
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ตามที่มีข่าวเสนอว่ามีข้อความที่ติดภายในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแห่งหนึ่ง โดยข้อความระบุว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทางร้านจะขอเก็บเงินจากการรูดบัตรประชารัฐ ร้อยละ 5 คือจำนวนเงิน 200 บาท เก็บ 10 บาท จำนวนเงิน 300 บาท เก็บ 15 บาท และจำนวนเงิน 500 บาท เก็บ 25 บาท เนื่องจากทางร้านค้าจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มร้อยละ 7 นั้น กรมการค้าภายในขอยืนยันว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดหลักเกณฑ์ตามประกาศของกรมการค้าภายในในการเข้าร่วมเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งร้านค้าไม่สามารถคิดค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพิ่มอีกได้ และจะต้องถูกเพิกถอนจากการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้สั่งให้หน่วยตรวจสอบและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศปูพรมตรวจสอบเพื่อค้นหาร้านค้าธงฟ้าประชารัฐดังกล่าว และดำเนินการเพิกถอนสิทธิการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐทันที จึงขอเตือนร้านค้าธงฟ้าประชารัฐมิให้ดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ รวมทั้งห้ามฉวยโอกาสเก็บเงินพิเศษในลักษณะต่าง ๆ ที่เป็นการเอาเปรียบประชาชน ซึ่งหากมีการตรวจพบหรือมีผู้ร้องเรียนจะดำเนินการอย่างเฉียบขาดในการถอนจากการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐทันที กรณีร้านค้ามีการจำหน่ายสินค้าราคาสูงเกินสมควรอาจเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย