นครปฐม 2 พ.ค.-รอง ผอ.โรงพยาบาลนครปฐม ยอมรับความผิดพลาดกรณีส่งตัวผู้ป่วยกลับบ้านผิดคน ทำให้ผู้ป่วยหญิงวัย 83 ปี อาการทรุดเสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายแพทย์ปฐม วงษ์อุบล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม ปฏิบัติราชการแทนผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม พร้อมด้วยแพทย์หญิงนุชนารถ โตเหมือน แพทย์ประจำตึกอายุรกรรมหญิง 1 แถลงชี้แจงกรณีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลส่งตัวผู้ป่วยกลับบ้านผิดคน คือ นางละออ สุระนันท์ อายุ 83 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคชรา เข้ารับการรักษาตัวเมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา ที่ตึกอายุรกรรมหญิง 1 เตียงที่ 16 จนกระทั่งวันที่ 26 เมษายน เวลาประมาณ 07.30 น. มีลูกและญาติมาติดต่อขอรับนาง ก. (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ป่วยนอนพักรักษาตัวอยู่ที่เตียง 7 เพื่อกลับไปรักษาตัวที่บ้านในพื้นที่จังหวัดราชบุรี แต่ทางลูกและญาติของนาง ก. เข้าใจผิด และยืนยันกับเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลว่านางละออคือมารดาของตน ทางโรงพยาบาลจึงอนุญาตให้พากลับบ้าน
หลังทางญาติของนางละออทราบข่าว พร้อมกับที่ทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบพบข้อผิดพลาด จึงได้เดินทางไปรับตัวนางละออกลับมาที่โรงพยาบาล เวลาประมาณ 12.00 น. ในวันเดียวกัน จากนั้นนางละออก็มีอาการทรุดหนัก และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 27 เมษายน ญาติได้นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาและมีพิธีฌาปนกิจเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (1 พ.ค.) ณ วัดหนองดินแดง อำเภอเมืองนครปฐม โดยมีลูกหลานและญาติพี่น้องร่วมพิธีด้วยความโศกเศร้า
รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครปฐม กล่าวว่า เมื่อช่วงเย็น คณะแพทย์และพยาบาลได้เดินทางไปร่วมพิธีฌาปนกิจ พร้อมกล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนางละออ และยินดีเจรจาเพื่อรับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ให้การช่วยเหลือเรื่องของโลงศพ ยานพาหนะ พวงหรีด และอุปกรณ์อื่นๆ ในการประกอบพิธี ส่วนเงินช่วยเหลือทางญาติยังไม่ขอรับ โดยบอกว่ารอให้การจัดงานฌาปนกิจศพแล้วเสร็จจึงจะเข้ามาเจรจากับทางโรงพยาบาล
ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลขอยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของโรงพยาบาล ส่วนสาเหตุอาจเพราะรูปร่างหน้าตาและอายุที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งก่อนหน้านี้นาง ก. เคยเข้ามานอนพักรักษาตัวอยู่ที่บริเวณดังกล่าว จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดและรับผู้ป่วยผิดคนกลับบ้าน
ขณะที่นางสาวจิดารัตน์ ห่วงสุวรรณ เหลนของนางละออ กล่าวว่า ตนและครอบครัวไม่หวังเรียกร้องเงินทองแต่อย่างใด แต่อยากให้ผู้เกี่ยวข้องออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้มากกว่านี้ เบื้องต้นได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ไม่ประสงค์จะแจ้งความเอาผิดกับทางโรงพยาบาล และขอให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของตนเป็นเหตุการณ์สุดท้าย.-สำนักข่าวไทย