ธปท.27 เม.ย.-กระทรวงแรงงาน จับมือ สปส.และ ธปท. ร่วมวิเคราะห์ข้อมูลด้านแรงงาน ผู้ประกันตน สู่การพัฒนาสิทธิประโยชน์แก่ผู้ประกันตน ยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน
พล.ต.อ. อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานในพิธีลงนาม(MOU)ความร่วมมือทางวิชาการและข้อมูลระหว่าง สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมและธนาคารแห่งประเทศไทย ณ ตำหนักวังบางขุนพรหม ธนาคารแห่งประเทศไทย
พล.ต.อ. อดุลย์ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีนโยบายให้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลและบูรณาการดำเนินงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนเพื่อสนองตอบความต้องการของประชาชนทุกภาคส่วน กระทรวงแรงงานจึงกำหนดนโยบายเพิ่มประสิทธิภาพศูนย์ข้อมูลแรงงานแห่งชาติ โดยการสร้างและเชื่อมโยงฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการระบบแรงงานได้อย่างถูกต้อง แม่นยำ ทันต่อสถานการณ์ จึงกำหนดให้มีการลงนามความร่วมมือระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน สำนักงานประกันสังคมและธนาคารแห่งประเทศไทยครั้งนี้ขึ้น เพื่อเชื่อมโยงข้อมูล Big Data ด้านแรงงานและผู้ประกันตน นำไปสู่การวิเคราะห์ วิจัยค่าสถิติด้านแรงงาน ทั้งในส่วนของนายจ้าง ลูกจ้างและผู้ประกันตนเพื่อให้เป็นฐานข้อมูล นำไปกำหนดนโยบายในการพัฒนาแรงงานได้อย่างมีคุณภาพ ทันต่อความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน และสามารถวิเคราะห์ปัญหาพยากรณ์เชิงสถิติทางด้านเศรษฐกิจแรงงานได้อย่างถูกต้อง สามารถจับคู่อุปสงค์อุปทานของแรงงาน ป้องกันการเกิดภาวะ แรงงานล้นและแรงงานขาดแคลน ทำให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจชาติให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ยกระดับกระทรวงแรงงานให้เป็นกระทรวงแรงงานดิจิตอล รองรับนโยบาย Thailand 4.0 ที่พัฒนาทักษะและนวัตกรรมของแรงงานที่จำเป็น เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดแรงงานได้อย่างดีมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าสำนักงานประกันสังคม มีหน้าที่ในการคุ้มครองและสร้างหลักประกันที่มั่นคงในการดำเนินชีวิตให้กับผู้ใช้แรงงานทั้งในระบบและนอกระบบ ขณะนี้มีลูกจ้างผู้ประกันตนในความดูแล 14.5 ล้านคน รวมทั้งต้องบริหารกองทุนขนาดใหญ่ให้มีความมั่นคง สามารถพัฒนาการจ่ายสิทธิประโยชน์ได้อย่างต่อเนื่อง ส่วนประโยชน์ที่ได้จากการลงนามในครั้งนี้ จะทำให้สำนักงานประกันสังคม มีฐานข้อมูลในการกำหนดนโยบายด้านต่างๆ รวมถึงการวางแผนในการพัฒนาสิทธิประโยชน์ให้ผู้ประกันตนได้รับประโยชน์สูงสุด และขยายสิทธิคลอบคลุมไปยังกลุ่มแรงงานเกษตกรที่มีกว่า 20 ล้านคนให้เข้าสู่ระบบประกันสังคม มีเงินเก็บในยามเกษียนอายุ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานไทยให้เกิดความอยู่ดีมีสุขต่อไป.-สำนักข่าวไทย