ก.เกษตรฯ หวังดันราคายาง-งัดกฎหมายคุมเข้มขายทุเรียนอ่อน

ทำเนียบฯ 26 เม.ย. – ก.เกษตรฯ หวังดันราคายาง ขอทหารนำสตอก 1 แสนตันออกไปสร้างถนน พร้อมคุมเข้มทุเรียนอ่อน งัดกฎหมาย 2 ฉบับทั้ง สคบ.และการฉ้อโกงเอาผิดชาวสวน


นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กล่าวในงาน Meet the Press ทำเนียบรัฐบาล ว่า ขณะนี้ทุเรียนได้รับความนิยมจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ ทุเรียนออกสู่ตลาดในช่วงนี้มาจากภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ประมาณ  500,000 ตัน แต่หลังจากประสบปัญหาภัยธรรมชาติพายุฤดูร้อน ทำให้ทุเรียนเสียหายจำนวนมาก  ปีนี้ราคาจึงปรับสูงขึ้นจาก 40-50 บาท ขยับเพิ่มเป็น 70-100 บาท เพื่อดูแลผู้บริโภคได้รับประทานทุเรียนสุกและคุณภาพดี  จึงตั้งทีมตรวจสอบทุเรียนในพื้นที่ เพื่อสุ่มตรวจดูว่าชาวสวนเอาทุเรียนอ่อนหรือขาดคุณภาพออกขายให้กับประชาชนหรือไม่ งัดกฎหมายทั้งสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) และการฉ้อโกง  รวมถึงการสร้างจิตสำนักที่ดีให้กับชาวสวนและผู้ประกอบการ  โดยความร่วมมือกับราชการส่วนท้องถิ่นช่วยกันดูแล และยังให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) คอยช่วยเหลือเกษตรกรในการเลือกทุเรียนคุณภาพก่อนส่งออกไปขายในตลาด ยอมรับว่าตั้งแต่ตรวจเข้มพบว่าทุเรียนไม่มีคุณภาพประมาณร้อยละ 3 ของผลผลิตทั้งหมดที่นำออกจำหน่าย 

นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า การดูแลราคายางพารา กระทรวงเกษตรฯ ได้ยุตินโยบายโค่นต้นยาง 1 ล้านต้น เพราะยังเป็นต้นไม้เศรษฐกิจสำคัญและส่งผลต่อปริมาณป่าไม้ แต่จะส่งเสริมให้ปลูกพืชแซม ขณะนี้ผลิตยางพาราทั้งประเทศ 1.5 ล้านตัน ส่งออก 1 ล้านตัน ใช้ในประเทศ 400,000-500,000 ตัน สำหรับแนวทางผลักดันราคายางพาราให้ได้ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม ผ่านแนวทางหน่วยงานภาครัฐนำไปใช้ประโยชน์สร้างสนามกีฬา สร้างถนน และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของหลายหน่วยงาน คาดว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้จะใช้ประโยชน์ได้ 200,000 ตัน  เตรียมเสนอนายกรัฐมนตรีให้ทหารนำยางพาราในสตอก 100,000 ตันออกไปใช้สร้างถนนเพิ่ม เพราะต้องจ่ายค่าสตอกถึง 11 ล้านบาทต่อเดือน  นอกจากนี้ ยังเจรจากับเวียดนาม ซึ่งกลายมาเป็นผู้ปลูกยางพารารายใหญ่อีกประเทศหนึ่ง เพื่อเข้ามาอยู่ในประเทศสมาชิกร่วมกับ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย กำหนดวันหยุดกรีดยาง เพื่อดูแลตลาดยางพารา ยอมรับว่าแม้ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล แต่เมื่อเงินบาทแข็งค่าจึงทำให้ราคายางพาราไม่ขยับเพิ่มมากนัก. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง