MOU สาธารณสุขไทย – คิวบา

สธ.26เม.ย.-รมว.สาธารณสุขไทย-คิวบา ลงนามร่วมพัฒนาด้านสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ เผยคิวบามีระบบสุขภาพที่ดีเยี่ยมได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ ประชากรมีอายุขัยเฉลี่ยและอัตราส่วนของแพทย์ต่อประชากรสูงที่สุดในโลก


นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประเทศไทย พร้อมด้วย นพ. โรเบอร์โต โมราเลส โอเจดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐคิวบา ร่วมกันลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกระทรวงสาธารณสุขแห่งสาธารณรัฐคิวบาและกระทรวงสาธารณสุขแห่งราชอาณาจักรไทย ว่าด้วยความร่วมมือด้านสาธารณสุขและการวิจัยทางการแพทย์ ณ สาธารณรัฐคิวบา 


นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า การลงนามบันทึกความเข้าใจนี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ไทยและคิวบาจะแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาสุขภาพในด้านต่าง ๆ ร่วมกัน เช่น โรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ การวิจัยทางการแพทย์เภสัชวิทยาและเทคโนโลยีชีวการแพทย์  นโยบายเกี่ยวกับเภสัชกรรมระบบสุขภาพ และการสาธารณสุขมูลฐานแพทยศาสตร์ศึกษาเทคโนโลยีชีวการแพทย์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น โดยภายหลังการลงนามคณะผู้บริหารด้านสาธารณสุขของทั้งสองประเทศได้หารือวางแผนการขับเคลื่อนงาน พร้อมศึกษาดูงานระบบสุขภาพของสาธารณรัฐคิวบา ณ โพลีคลินิก และศูนย์แพทย์ชุมชน ในเขตวีดาโด กรุงฮาวานา และการแพทยศาสตร์ศึกษา มหาวิทยาลัยฮาวานา เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนงานต่อไป


สำหรับสาธารณรัฐคิวบาเป็นประเทศขนาดเล็กที่ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติว่ามีระบบสุขภาพที่ดีเยี่ยม มีอายุขัยเฉลี่ยของประชากรและอัตราส่วนของแพทย์ต่อประชากรสูงที่สุดในโลก ระบบสุขภาพได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสุขภาพตามที่ได้เคยให้คำมั่นไว้ ตั้งแต่มีการปฏิวัติในปีค.ศ.1959 เน้นพัฒนาด้านการศึกษาและการพัฒนาสุขภาพ ให้ประชาชนมีสิทธิเข้าถึงการรักษาและบริการด้านสุขภาพ  

“จุดเด่นของระบบสุขภาพของคิวบาคือ การผลิตบุคลากรทางการแพทย์ส่งออกไปยังประเทศกลุ่มอเมริกาใต้และอาเซียน มีเทคโนโลยีการวิจัยผลิตเวชภัณฑ์และชีววัตถุที่ก้าวหน้ามาก รวมถึงการมีระบบสุขภาพและการแพทย์ปฐมภูมิที่เข้มแข็ง ดังจะเห็นได้จากความสำเร็จของการกำจัดการติดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกสำเร็จเป็นประเทศแรกในโลก และความสำเร็จด้านสุขภาพอีกหลายด้าน ซึ่งล้วนต่อยอดจากการมีระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง”  นพ. ปิยะสกลกล่าว

 

นอกจากนี้ คิวบายังได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพกระจายอย่างทั่วถึงทั่วประเทศ พัฒนาและผลิตบุคลากรด้านสุขภาพในทุกสาขา เน้นแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว จัดทีมดูแลผู้ป่วยและสุขภาพประชาชนในชุมชน ในรูปแบบคลินิกสุขภาพชุมชน ซึ่งประกอบด้วยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวและพยาบาลทำงานร่วมกันดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ โดย 1 คลินิกสุขภาพชุมชนดูแลประชากรประมาณ 1,200 คน  ส่งต่อให้กับทีมแพทย์เฉพาะทางในโพลีคลินิก ซึ่งจัดเป็นสถานบริการระดับปฐมภูมิ และหากมีความจำเป็นสามารถส่งต่อผู้ป่วยไปยังสถานบริการระดับทุติยภูมิและตติยภูมิต่อไป บริการสุขภาพในคิวบาครอบคลุมและให้ความสำคัญ ทั้งการส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟูโรค รวมถึงการใช้การแพทย์ดั้งเดิม โดยรัฐบาลเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ใบประกอบวิชาชีพครู

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู”

เตือนคุณครูเปิดเทอมนี้ ต้องมี “ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู” แนะรีบต่ออายุใบอนุญาต หลังคุรุสภาออกมาตรการ 5 ต. คุมเข้มทุกโรงเรียนทั่วไทย

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล

เริ่ม 1 พ.ค.นี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้าไทย ต้องลงทะเบียนบัตร ตม.6 แบบดิจิทัล หรือ TDAC ล่วงหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนเดินทาง ตามกฎใหม่ ตม.

พีชเรียกอาต่าย

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” โอ้อวดเรียก “อาต่าย” ลั่นไม่ใช่ญาติ

ผบ.ตร.ไม่ปลื้ม “พีช” คู่กรณีรถกระบะ โอ้อวดเรียก “อาต่าย” รู้จักคนในรัฐบาล หวังผลคดี ลั่นไม่ใช่ญาติ สอนลูกเสมออย่าทำตัวเป็นขยะสังคม บอกประชาชนใช้วิจารณญาณเลือกตั้ง

“นายกเบี้ยว” ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้-ดูแลลุงคู่กรณี

“นายกเบี้ยว” รับจบแทนลูก ยอมรับลูกขับรถหวาดเสียว พร้อมชดใช้ ดูแลลุงคู่กรณี ระบุสอนลูกไม่ดี ไม่มีเวลาให้ลูก ปฏิเสธไม่สนิทกับ ผบ.ตร. อย่าเอาท่านมาแปดเปื้อน ส่วนที่ลูกชายยังไม่ไปเยี่ยมลุงคู่กรณี เนื่องจากกลัวโดนถูกโวยวาย

ข่าวแนะนำ

ปล่องลิฟต์ตึกถล่ม

กทม.เดินหน้าเจาะปล่องลิฟต์ ค้นหาผู้สูญหายตึก สตง.

ผู้ว่าฯ กทม. เผยปฏิการค้นหาร่างผู้สูญหายจากเหตุตึก สตง.ถล่ม วันนี้เน้นเจาะปล่องลิฟต์-บันไดหนีไฟ หลังวานนี้ (18 เม.ย.) พบผู้เสียชีวิตในจุดดังกล่าวเพิ่มอีก 6 ราย ยืนยัน กทม. ให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานในการเข้า เก็บพยานหลักฐาน เพื่อหาตัวผู้รับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าว