กรุงเทพฯ 25 เม.ย. – สำนักข่าวไทย ลงพื้นที่ตลาดย่านดอนเมือง ซึ่งที่นี่ถือเป็นแหล่งขายส่งผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ยังพบมีร้านค้านำยาลดน้ำหนักที่ไม่มี อย. และผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเครือ “เมจิก สกิน” มาวางขายหน้าร้านอย่างโจ่งแจ้ง ขณะที่เภสัชกรที่อยู่ในวงการเครื่องสำอาง เผยผลิตภัณฑ์ควบคุมน้ำหนัก มักใส่ยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ทำให้ไม่หิว
ตลาดย่านดอนเมืองแห่งนี้ ถือเป็นตลาดค้าส่งผลิตภัณฑ์เสริมความงาม ซึ่งทีมข่าวสำนักข่าวไทยลงพื้นที่สำรวจ แม้วันนี้ร้านค้าเปิดไม่คึกคัก แต่ปรากฏภาพผู้ซื้ออย่างไม่ขาดสาย สินค้าส่วนใหญ่ที่มีวางขาย คือ เครื่องสำอาง ครีมทาผิวขาวที่บรรจุถุงขายเป็นกิโลกรัม และผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
อย่างร้านค้าร้านนี้ พบสินค้าในเครือ “เมจิก สกิน” ตั้งโชว์อยู่หน้าร้าน ทั้งที่ถูกดำเนินคดีจากการผลิตเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารผิดกฎหมาย บนกล่องเขียนถึงสรรพคุณ เมื่อชงแล้วดื่มจะทำให้แขนขาเรียว ทีมข่าวพยายามสอบถามผู้ขาย เขาแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบชงแล้วดื่มให้ พร้อมบอกว่า ขายดี และกำลังได้รับความนิยมจากผู้ซื้อ
เมื่อทีมข่าวนำผลิตภัณฑ์นี้ที่ผู้ค้าเสนอขายให้มาตรวจสอบ กลับไม่พบเลขจดแจ้งจาก อย. ปรากฏบนผลิตภัณฑ์ บนกล่องยังมีคำโฆษณาว่า ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันได้เร็วกว่า 40 เท่า พร้อมการันตีว่า ทำให้น้ำหนักลดถึง 12 กิโลกรัม รวมถึงผิวขาวใสและอมชมพู พร้อมระบุส่วนผสมหลายชนิด เช่น กลูตาไธโอน คอลลาเจน และสมุนไพร เช่น ส้มแขกสกัด ซึ่งมีสรรพคุณช่วยสลายไขมัน
แต่ในความเป็นจริง เภสัชกรฝ่ายวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอาง บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ระบุว่า ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ขายในราคาถูกมาก และอ้างว่ามีส่วนผสมจากธรรมชาติ ถือว่าเป็นไปได้น้อยมาก เพราะสารสกัดจากสมุนไพรมีราคาสูง เช่น น้ำมันดอกดาวเรือง หากใส่ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ควบคุมน้ำหนัก ราคาต้นทุนจะยิ่งสูงขึ้น ทำให้ผู้ผลิตเปลี่ยนมาใช้ยาแทน เช่น ออริสแตท ซึ่งช่วยดูดซึมไขมัน และไซบูทรามีน ที่มีฤทธิ์กดประสาทไม่ให้หิว มีผลข้างเคียง คือ ตื่นตัวตลอดเวลา ทำให้ผู้ผลิตบางรายต้องใส่ยานอนหลับผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่กินก่อนนอน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อน
ข้อมูลจากกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยมูลค่าเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อยู่ที่ 100,000 ล้านบาท/ปี จากเดิม 1,000 ล้านบาท/ปี โดยผลิตภัณฑ์ในตลาดเกือบครึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริม พบเป็นผลิตภัณฑ์ปลอมที่มีการผลิตไม่ได้มาตรฐาน นอกจากนี้ โรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานมีเพียงกว่า 1,000 โรงงาน ส่วนโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐานมีมากกว่านั้นถึง 10 เท่าตัว. – สำนักข่าวไทย