ดินแดง 25 เม.ย.-ภาครัฐเอกชน ร่วมจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ 1 พ.ค.นี้ ที่สนามม้านางเลิ้งและลานคนเมือง ชูคำขวัญ ‘แรงงานไทยสามัคคี สดุดีองค์ราชัน ก้าวทันเทคโนโลยี 4.0’ ด้านเครือข่ายแรงงานเตรียมยื่น 10 ข้อเรียกร้องต่อนายกรัฐมนตรี
พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงข่าวการจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ ประจำปี 2561 ว่า เพื่อตระหนักถึงพี่น้องผู้ใช้แรงงานที่มีความสำคัญและอยู่เบื้องหลังความเจริญเติบโตและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ รัฐบาลจึงกำหนดให้วันที่ 1 พ.ค.ของทุกปี เป็นวันแรงงานแห่งชาติและจัดงานเป็นประจำทุกปี โดยปีนี้คณะกรรมการจัดงานจาก 15 สภาองค์การลูกจ้างและสหพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจแห่งประเทศไทยและกลุ่มแรงงานนอกระบบ โดยมีนายพนัส ไทยล้วน ประธานสภาองค์การลูกจ้างแรงงานแห่งประเทศไทย ทำหน้าที่ประธานจัดงานวันแรงงานแห่งชาติ กำหนดจัดในวันอังคารที่ 1พ.ค.ณ บริเวณราชตฤณมัยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์(สนามม้านางเลิ้ง) และบริเวณลานคนเมือง กทม.ซึ่งคณะกรรมการจัดงานฯ กำหนดคำขวัญวันแรงงานแห่งชาติ ปี 2561 คือแรงงานไทยสามัคคี สดุดีองค์ราชัน ก้าวทันเทคโนโลยี 4.0
สำหรับกิจกรรมในช่วงเช้า เวลา 07.15 น.พิธีทางศาสนา เจริญพระพุทธมนต์ ณ ปะรำพิธี บริเวณสนามม้านางเลิ้ง จากนั้นเวลา 09.45 น.เคลื่อนริ้วขบวนเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ริ้วขบวนของกระทรวงแรงงาน และริ้วขบวนของผู้ใช้แรงงานจำนวน 17 องค์กร จากบริเวณสนามม้านางเลิ้งไปยังบริเวณลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร และเวลา 14.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ 2561 รับข้อเรียกร้อง และกล่าวสุนทรพจน์ต่อผู้ใช้แรงงาน ซึ่ง กระทรวงแรงงานได้จัดให้มีกิจกรรมสนับสนุนการจัดงานของทุกหน่วยงานในสังกัดด้วย
สำหรับข้อเรียกร้องวันแรงงานชาติในปีที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานให้ความ สำคัญกับการดำเนินการตามข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะจากพี่น้องผู้ใช้แรงงานทุกข้อ บางข้อได้ดำเนินการแล้วและบางข้ออยู่ระหว่างดำเนินการ และปีนี้ผู้ใช้แรงงานมีข้อเรียกร้องที่จะยื่นต่อนายกรัฐมนตรี 10 ข้อ อาทิ ขอให้แก้ไข พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541ให้ลูกจ้างเกษียณอายุที่ 60 ปี,ปรับฐานการรับเงินบำนาญเริ่มต้นที่ 5,000 บาทต่อเดือน ,ให้ผู้ประกันตนที่พ้นสภาพ ม.33 และรับบำนาญมีสิทธิสมัคร ม.39 ได้
โดยไม่ตัดสิทธิการรับเงินบำนาญ เป็นต้น
ทั้งนี้ การจัดงานปีนี้ ได้งบประมาณสนับสนุนจากรัฐ 4.95 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในอัตรานี้ต่อเนื่องมา 4 ปีแล้วซึ่งถือมีความเหมาะสม เป็นไปตามที่มีการใช้จ่ายจริงในการจัดงานเพื่อแสดงให้นานาชาติเห็นว่า ไทยให้ความสำคัญกับแรงงาน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ เป็นเวทีให้แรงงานได้แสดงออกทางความคิดเห็น และมีโอกาสเสนอข้อเรียกร้องต่อรัฐ นำไปสู่ความช่วยเหลือและการพัฒนาให้พี่น้องผู้ใช้แรงงานมีคุณภาพชีวิตที่ดีต่อไป โดยระบบการเบิกจ่ายงบเป็นไปตามระเบียบมีการตรวจสอบเข้มงวด .-สำนักข่าวไทย
