กรุงเทพฯ 25 เม.ย.- ผู้ตรวจการแผ่นดิน ย้ำหลักการทำงานยึดความเป็นกัลยาณมิตร ไม่มุ่งจับผิดหน่วยงาน แสวงหาทางออกร่วมกัน
สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน จัดงานสัมมนาเรื่อง “ผู้ตรวจการแผ่นดิน : บทบาทใหม่ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ซึ่งมีผู้แทนจากทุกภาคส่วนกว่า 700 คน เข้าร่วมงาน มุ่งเน้นสร้างความเข้าใจในบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินที่กว้างขึ้น สานความร่วมมือการทำงานเยี่ยงกัลยาณมิตร เพื่อธรรมาภิบาลของแผ่นดิน
พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวเปิดการสัมมนาว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินมีหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐและการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ ทั้งในระดับชาติจนถึงระดับท้องถิ่น ซึ่งการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินนั้นยึดหลักความเป็นกัลยาณมิตร คือ ไม่ได้มุ่งหมายจับผิดหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่ แต่มุ่งหวังแสวงหาทางออกร่วมกัน แก้ไขความเดือดร้อนอย่างเป็นระบบ เน้นการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน ส่งเสริมสนับสนุนและให้คำแนะนำ เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขจัดความเหลื่อมล้ำ อำนวยประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างทัดเทียม และลดภาระที่เกิดขึ้นกับประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุ เพื่อขับเคลื่อนให้สังคมไทยตั้งอยู่บนหลักความสุจริต หลักสิทธิมนุษยชน และหลักธรรมาภิบาล
ผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า การจัดสัมมนาครั้งนี้ มุ่งเน้นการเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของผู้ตรวจการแผ่นดินในมิติต่าง ๆ หลักการและระบบงานด้านการสอบสวน จนถึงการติดตามการปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ขณะเดียวกัน การสัมมนาครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีที่ได้มาพบปะทำความเข้าใจและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันจะนำไปสู่การบูรณาการความร่วมมือระหว่างผู้ตรวจการแผ่นดินและหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อเยียวยาแก้ไขปัญหาเชิงระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกของประชาชนโดยส่วนรวมยั่งยืนสืบไป
จากนั้น พล.อ.วิทวัส ได้บรรยายพิเศษหัวข้อ “ผู้ตรวจการแผ่นดิน : องค์กรเพื่อรัฐและเพื่อประชาชน ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สิ่งที่องค์กรอิสระต้องทำร่วมกันคือ หลักนิติธรรมและหลักธรรมาภิบาล สำหรับบทบาทของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นเหมือนมีดสั้น แต่จะไปตายที่ชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงอยากให้ทุกฝ่ายร่วมกันบูรณาการทำงานมากกว่า.-สำนักข่าวไทย