พระนครศรีอยุธยา 30 ก.ย. – ชาวนา อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งเก็บเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วม ขณะที่รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์น้ำ อ.บางบาล ยืนยันจะไม่ระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มมากกว่า2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่วัดกอไผ่ ต.บางหลวงโดด อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ติดตามสถานการณ์น้ำเอ่อล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรนานนับสัปดาห์ โดยเปิดเผยว่าได้ประชุมร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เรื่องของการบริหารจัดการนำลุ่มเจ้าพระยา โดยเฉพาะช่วงวันที่ 1-5ตุลาคมนี้ จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางตอนล่าง ทำให้มีฝนตกหนัก เติมน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ จ.นครสวรรค์ และแม่น้ำสะแกรกรัง อาจส่งผลให้มีน้ำไหลเจ้าเขื่อนเจ้าพระยามากถึง 2,555 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ถือว่าเป็นปกติของช่วงต้นเดือนตุลาคม ที่จะมีน้ำเข้าประมาณนี้อยู่แล้ว แต่หากมีน้ำเกินก็จะตัดน้ำออกไปยังแม่น้ำน้อย แม่น้ำท่าจีน เพื่อไม่ให้น้ำผ่าน จ.พระนครศรีอยุธยา มากกว่านี้
นอกจากนี้ยังเผยว่า ได้วางแผนตัดน้ำเข้าทุ่งต่างๆ ในจ.พระนครศรีอยุธยา ที่มีอยู่หลายทุ่ง ทั้งทุ่งศิริราช ท่าวุ้ง ป่าโมก บางบาล และทุ่งผักไห่ ที่มีอยู่กว่า 100,000 ไร่ แต่ต้องรอให้ชาวนาเก็บเกี่ยวข้างให้แล้วเสร็จก่อน คาดว่าไม่เกิน 15 ตุลาคม อย่างไรก็ตาม การตัดยอดน้ำตามหลักวิชาการควรตัดด้านบนเหนือเขื่อนเจ้าพระยา เพราะถ้าตัดช่วงนี้ก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่น้ำท่วม จ.พระนครศรีอยุธยา แต่จะเป็นประโยชน์ต่อ จ.ปทุมธานี และนนทบุรี
รองอธิบดีกรมชลประทานยังยืนยันว่า ขณะนี้เหนือเขื่อนยังมีพื้นที่ว่างรับน้ำ และจะไม่ปล่อยน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยามากกว่า 2,000 ลูกบาศก์เมตร/วินาที. – สำนักข่าวไทย