นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่าไม่เคยพูดว่าศาลรัฐธรรมนูญตีความเกินจากคำถามพ่วงประชามติ เพราะกรธ.ไม่มีวันจะคิดหรือพูดในทางที่จะทำให้เห็นว่าศาลทำเกินคำขอที่ส่งไปให้วินิจฉัย โดยกรธ.ได้ส่งไปว่ากรธ.เขียนสอดคล้องกับประชามติที่ประชาชนเห็นชอบด้วยหรือไม่ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญตอบตามกรอบที่ถามอย่างถูกต้อง ส่วนคนอื่นจะเห็นด้วยหรือไม่ หรือเห็นไม่ตรงกัน ถือเป็นเรื่องทางวิชาการ กรธ.ไม่มีหน้าที่จะไปเถียง แต่ต้องปฏิบัติตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในฐานะที่เป็นผู้มีอำนาจตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่จะต้องแก้ในกรอบของมาตรา 272
“คิดว่าศาลรัฐธรรมนูญคงเป็นผู้ใหญ่ และคงไม่คิดมาก เชื่อว่าคงไม่มีผลต่อบรรยากาศการทำงานร่วมกันในอนาคต เพราะคนที่เป็นหลักของบ้านเมือง แม้จะถกเถียงกัน แต่เมื่อปฏิบัติหน้าที่ จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามที่มีภาระที่ต้องทำ ไม่นำเรื่องส่วนตัวไปยุ่ง ตอนที่กรธ.ส่งเรื่องไป แล้วศาลส่งกลับมา อาจจะบ่นนิดหน่อย แต่เราก็ต้องเคารพท่าน ท่านบอกให้ทำอย่างไรก็ต้องทำ ไม่เอามาเก็บใส่ใจ ขอให้วางใจว่าคนที่ได้รับการเลือกมาในองค์กรทั้งหลาย ต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่” ประธานกรธ.กล่าว
นายมีชัย กล่าวว่า หากมีการปรับแก้ตามที่ศาลวินิจฉัยแล้วจะต้องส่งไปให้นายกรัฐมนตรี โดยไม่ต้องส่งกลับไปที่ศาลรัฐธรรมนูญอีก แต่หากมีคนเห็นว่าที่เขียนไปไม่สอดคล้องอาจจะไปร้องศาลรัฐธรรมนูญได้ แต่เมื่อศาลฯเขียนมาแล้วว่าให้แก้อะไร กรธ.จะแก้ไปตามนั้น โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้กรธ.ทุกคนกลับไปอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างละเอียด และนำกลับมาหารือกันในวันจันทร์ ที่ 3 ตุลาคมนี้
สำหรับกรณีที่มีข้อสงสัยเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่จะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปีจะเริ่มนับหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้หรือรวมถึงอดีตนายกรัฐมนตรีด้วยหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ยังไม่เคยคิดประเด็นนี้ จึงยังตอบไม่ได้ และต้องขอกลับไปดูใหม่ว่าสิ่งที่เขียนไว้ในครอบคลุมแค่ไหน แต่ถ้าเริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ สิ่งที่คนกลัวว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 8 ปี ก็คงไม่เกิดขึ้น เพราะขณะนี้ดำรงตำแแหน่งไปอย่างน้อย 3 ปี หากได้กลับเข้ามาก็เป็นได้อีกไม่เกิน 5 ปี
นายมีชัย กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการที่ถูกศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งงให้ยึดบ้านที่จังหวัดอ่างทอง ฐานร่ำรวยผิดปกติว่า หากใครก็ตามที่เคยถูกยึดทรัพย์สินเพราะร่ำรวยผิดปกติ จะถือว่าเข้าข่ายขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้อง.-สำนักข่าวไทย