พม.11เม.ย.-รมว.พัฒนาสังคมฯ เชื่อมั่นปลัดฯคนใหม่ จะคลี่คลายปัญหาทุจริตได้ พร้อมเผยหลังสงกรานต์จะเห็น พม.ยุคใหม่ ขอเวลา 1 ปี ระบบเงินสงเคราะห์ถึงมือคนจนอย่างโปร่งใส
พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)กล่าวถึงกรณี มติ ครม.แต่งตั้งนายปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นปลัดฯ พม.แทนนายพุฒิพัฒน์ เลิศเชาวสิทธิ์ ว่า ส่วนตัวรู้จักกับนายปรเมธีมากว่า10ปี ยอมรับว่าคาดหวังให้ ปลัด พม.คนใหม่ เข้าช่วยงานด้านสังคมเป็นหลักเพราะคิดเชิงระบบเป็น มองเห็นภาพรวม จึงเชื่อว่าสามารถเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ทั้งประเทศกับยุทธศาสตร์ของ พม.ไปด้วยกันได้ และทำให้แผนงานของ พม. มีความชัดเจนมากขึ้น
นอกจากนี้ยังเน้นย้ำว่าทุกแผนงานต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนมี KPI ที่สามารถวัดผลได้ เป็นการประเมินผลผู้บริหารด้วย มั่นใจว่า ปลัด พม.คนใหม่จะเข้ามาช่วยคลี่คลายปัญหาการทุจริตได้ พร้อมทำความเข้าใจกับข้าราชการประจำแล้วว่า คนนี้ดีจริงๆ
สำหรับผลสอบ ปลัด พม.จะมีความชัดเจนหลังสงกรานต์ ส่วนกรณีที่ นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ลาออก ไม่เกี่ยวกับกระทรวง พม. ย่อมไม่กระทบต่อการทำงาน
“ภาพลักษณ์ของกระทรวงพม. คงต้องอาศัยความร่วมมือจากข้าราชการทุกระดับชั้น คนนอกเพียงเข้ามาช่วยขับเคลื่อนแผนการดำเนินงานให้เดินไปข้างหน้าตามเป้าหมาย ซึ่งในอนาคตจะผลักดันคนในกระทรวงให้มากที่สุด แต่ช่วงนี้อาจเป็นวิกฤตของกระทรวง เราจึงต้องพัฒนาตนเอง สร้างความเชื่อมั่นให้มากที่สุด ช่วยกันทำ ซึ่งหากใครไม่ทำ แล้วตนพบ คนๆนั้นต้องรับผิดชอบ ไม่กังวลต่อฐานอำนาจเก่าๆ หากใช้ความจริงใจเข้าสู้แล้ว ถ้าเกิดไม่เข้าใจ แล้วยังมีเหตุการณ์เกิดขึ้น ผมก็ช่วยไม่ได้ กระทรวง พม.ก็จะลดความน่าเชื่อถือลงไปเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับคนในกระทรวง” พล.อ.อนันตพร กล่าว
พล.อ.อนันตพร กล่าวด้วยว่า หลังสงกรานต์นี้จะเห็นกระทรวง พม.ยุคใหม่ โดยเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์กระทรวง มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านสังคมในประเทศไทยและอาเซียน รวมทั้งทำให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข ภายใน 1 ปี ต้องมีการช่วยเหลือเงินสงเคราะห์ให้กับประชาชนที่ชัดเจน โปร่งใสมากขึ้น โดยวางระบบผ่านอิเล็กทรอนิกส์ทุกขั้นตอน ซึ่งข้าราชการทุกระดับชั้นมีโอกาสสัมผัสกับเงินน้อยมาก
แต่ขณะเดียวกันประชาชนที่มีความเดือนร้อนต้องให้ข้อมูลที่ถูกต้อง พร้อมเดินหน้าสร้างอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประจำหมู่บ้าน(อพม.)ให้เข้มแข็งกระจายไปทุกพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือในการกลั่นกรองข้อมูล ส่วนจะการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นมากขึ้นหรือไม่นั้น ต้องดูความพร้อมของแต่ละท้องถิ่นด้วย .-สำนักข่าวไทย