มอบคืนอีกกว่า1ล้านให้11รายเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กรุงเทพฯ 11 เม.ย.- ตำรวจ จับมือ ปปง. ธนาคาร คืนเงินเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อีก 11 ราย มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท เผยแนวโน้มเกิดเหตุลดลงต่อเนื่อง


พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ พักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว และตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปง., ธนาคารกสิกรไทย  ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ ร่วมกันแถลงมาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนครั้งที่ 11โดยสามารถอายัดและคืนเงินให้กับผู้เสียหายจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ เช่น กรุงเทพฯ จันทบุรี ปราจีนบุรี ตราด นครนายก กาฬสินธ์ รวม 11 ราย เป็นเงินกว่า 1 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการอายัดเงินของผู้เสียหายได้เต็มจำนวน  4 ราย

จากการสอบสวนพบว่า ผู้เสียหายที่แจ้งอายัดเงินทางสายด่วน 1155 และ1710 หรือแจ้งทางธนาคาร หากแจ้ง  15-30 นาทีที่ถูกหลอก จะได้เงินคืนเต็มจำนวน แจ้งภายใน30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง จะอายัดได้มากกว่าครึ่ง และหากพ้น 1 ชั่งโมงขึ้นไปจะอายัดได้เพียงบางส่วนหรือน้อยกว่าครึ่ง


ทั้งนี้ สำหรับสถิติการรับแจ้งเหตุตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2560 ถึง 10 เมษายน 2561 มีทั้งสิ้น 419 คดี มูลค่าความเสียหายกว่า 209 ล้านบาท สามารถอายัดเงินของผู้เสียหายคืนได้รวม 87 ราย รวมเงินกว่า 16 ล้านบาท 

พลตำรวจเอกจักรทิพย์ ย้ำว่าไม่ว่าเงินที่ถูกหลอกจะมากน้อยเพียงใด  กำชับเจ้าหน้าที่ให้ช่วยอายัดคืนประชาชนให้ได้มากและเร็วที่สุด พร้อมฝากปชช.แจ้งเบาะแสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ผ่านมาส่งกำลังไปปราบปรามเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใน 4 ประเทศรวม 5 ครั้งทำให้สถิติการเกิดเหตุลดลงต่อเนื่อง เช่น เดือนพฤศจิกายน 2560 มี 73 ครั้ง ,ธันวาคม 67 ครั้ง, มกราคม 65 ครั้ง ,กุมภาพันธ์ 36 ครั้ง,มีนาคม 28 ครั้ง และล่าสุดเดือนเมษายน ยังไม่มีเหตุเกิดขึ้น นับเป็นการทำงานที่ประสบผลสำเร็จ จากแนวโน้มสถิติแจ้งเหตุที่ลดต่ำลง

ด้านนายพีรพัฒน์ อิงพงษ์พันธ์ รองโฆษก ปปง.ฝากเตือนประชาชนว่า แม้แนวโน้มการเกิดเหตุจะลดลงแต่อย่าประมาท  โดยสถิติการแจ้งเหตุของ ปปง.ลดลง.สอดคล้องกับตำรวจ อย่างไรก็ตามจากการสอบถามผู้กระทำผิด มักอ้างว่าแม้ตัวถูกจับกุม แต่ ครอบครัวสบาย ดังนั้น ปปง.ขอชี้แจงว่าคิดผิด เพราะผู้ต้องหาจะถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อติดตามกลับคืนให้ประชาชน พร้อมเตือนให้เลิกพฤติการณ์ เนื่องจากจะทำให้ลูกเมียพ่อแม่โดนดำเนินคดีข้อหาฟอกเงินมีอัตราโทษสูงสุดจำคุกถึง10 ปี.-สำนักขก่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”