สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน 10 เม.ย.-พล.อ.วิทวัสระบุส่วนที่เกี่ยวข้องกำลังพยายามแก้ปัญหาบ้านพักศาล พร้อมแนะยึดพระบรมราโชวาทร.9 เรื่องการใช้กฎหมายแก้ปัญหา
พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฎิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงการสร้างบ้านพักศาลอุทธรณ์ภาค 5 ที่จังหวัดเชียงใหม่ว่า หากมีผู้ร้องมาที่ผู้ตรวจฯ พร้อมจะพิจารณา แต่ในเบื้องต้นผู้ตรวจฯ ติดตามเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว และเห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามแก้ไขปัญหาอยู่ ทั้งศาลยุติธรรม นายกรัฐมนตรีเองก็แสดงเจตนาที่จะแก้ไข อย่างไรก็ตาม มองว่าปัญหาของผู้เป็นเจ้าของพื้นที่เขาก็ห่วงเรื่องป่า แต่ศาลยุติธรรมก็ได้ที่ดินมาโดยชอบ และโครงการเดินหน้ามาค่อนข้างไกล จะยกเลิกเลย ศาลก็ไม่มีอำนาจ เนื่องจากหากยกเลิกต้องมีเรื่องความรับผิดชอบของงบประมาณที่เสียไป เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว จึงคิดว่าป่ากับคนต้องอยู่กันให้ได้
“ขอให้ยึดพระบรมราโชวาทในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่ากฎหมายไม่ใช่ตัวความยุติธรรม แต่เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่งสำหรับใช้ในการรักษาและอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น การใช้กฎหมายจึงต้องมุ่งหมายใช้เพื่อรักษาความยุติธรรม ไม่ใช่เพื่อรักษาตัวบทกฎหมายเอง และการรักษาความยุติธรรมในแผ่นดินก็มิได้มีวงแคบอยู่เพียงขอบเขตของกฎหมาย หากต้องขยายออกไปให้ถึงศีลธรรมจรรยา เหตุและผลตามความเป็นจริงด้วย ทั้งนี้ หากจะมีผู้ร้องมาที่ผู้ตรวจฯ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนที่ใช้พื้นที่ป่านั้น แต่อาจเป็นผู้ที่พบเห็นปัญหาความเดือดร้อนก็สามารถร้องเรียนได้ ผู้ตรวจฯมีหน้าที่ให้คำแนะนำกับคณะรัฐมนตรีอยู่แล้ว ซึ่งการให้คำแนะนำก็ครอบคลุมไปถึงเรื่องของการรักษาป่าไม้อยู่แล้ว” พล.อ.วิทวัส กล่าว
พล.อ.วิทวัส กล่าวถึงการลงพื้นที่แก้ปัญหาที่ทำกินทับซ้อนพื้นที่ป่าในเขตอุทยานทับลาน พบว่ามีปัญหาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่ซับซ้อนพอสมควร ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ตรวจฯ ได้ลงพื้นที่และกรมอุทยานแห่งชาติและมีความเห็นว่าการกำหนดแนวเขตใหม่ให้ถูกต้อง ซึ่งประชาชนจะได้รู้ว่าสิทธิในที่ดินของตัวเองอยู่ที่ไหน โดยเมื่อตรวจเรื่องแนวเขตเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น จะมีหนังสือเชิญรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาประชุมเพื่อหาข้อสรุปก่อนมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเรื่องที่จะต้องแก้ไขกฎหมายอุทยาน กฎหมายป่าไม้ กฎหมายที่ดินเพื่อให้ประชาชนได้รับการแก้ไขปัญหาชัดเจนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย
