มติ ก.บ.ศ.ไม่รับข้อเรียกร้องกลุ่มค้านสร้างท่ีทำการ ท่ีพักศาลอุทธรณ์ภาค5

กรุงเทพฯ 9 เม.ย.- ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) มีมติไม่สามารถดำเนินการตามข้อเรียกร้องของกลุ่มผู้คัดค้านก่อสร้างอาคารที่ทำการและที่พักศาลอุทธรณ์ภาค5ได้ชี้ผิดสัญญาอาจถูกฟ้องเรียกค่าเสียหาย เตรียมทำหนังสือถึงนายกฯชี้ขาดจะชะลอโครงการหรือประการอื่นใด


นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.) ได้พิจารณาวาระพิเศษเพิ่มเติมกรณีที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมบ้านพักข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ซึ่งโครงการดังกล่าวปัจจุบันใกล้เสร็จสมบูรณ์ตามสัญญาแล้ว แต่ปรากฏว่ามีบุคคลกลุ่มหนึ่งคัดค้านและเรียกร้องให้ยุติการก่อสร้างพร้อมให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในโครงการก่อสร้างดังกล่าวออก สำนักงานศาลยุติธรรมขอชี้แจงถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการขอใช้พื้นที่และการดำเนินโครงการดังกล่าวเรียงลำดับดังนี้

1 วันที่ 25 กรกฎาคม 2540 กระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ขอใช้พื้นที่ในราชการทหารบริเวณด้านหลังของหน่วยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 เนื้อที่ประมาณ 106 ไร่ เพื่อก่อสร้างบ้านพักและอาคารที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม ต่อมาวันที่ 12 เมษายน 2542 ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ได้มีหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ให้ยืนยันการขอใช้ที่ดินเพื่อก่อสร้างบ้านพักและอาคารที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม


2 วันที่ 21 เมษายน 2542 สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 ได้มีหนังสือยืนยันใช้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อก่อสร้างบ้านพักและอาคารที่ทำการของกระทรวงยุติธรรม ต่อมาเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2543 ศาลยุติธรรมได้แยกจากกระทรวงยุติธรรมตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรม พ.ศ. 2543 และให้มีสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นส่วนราชการที่เป็นหน่วยงานอิสระ มีฐานะเป็นนิติบุคคล มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวกับงานธุรการของศาลยุติธรรม เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้แก่ศาลยุติธรรม

3 วันที่ 31 มกราคม 2546 สำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 มีหนังสือถึง

ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 ขอใช้ที่ดินบริเวณด้านหลังของหน่วยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 เนื้อที่ประมาณ 106 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการของศาลยุติธรรมและบ้านพัก


 4. ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ได้มีหนังสือลงวันที่ 13 มีนาคม 2546 รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการขอใช้ที่ดินมายังสำนักงานศาลยุติธรรมว่า มณฑลทหารบกที่ 33 ขอให้จัดทำแผนผังการใช้ประโยชน์ในที่ดินแปลงที่ขอใช้ เพื่อเสนอกองทัพบกพิจารณา

 5. มณฑลทหารบกที่ 33 ได้มีหนังสือลงวันที่ 4 มีนาคม 2547 แจ้งว่าไม่ขัดข้องที่จะให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ที่ดินเนื้อที่รวม 147 – 3 – 41 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 และบ้านพักข้าราชการฝ่ายตุลาการและขอให้ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การดูแล บำรุงรักษาที่ราชพัสดุ ประกอบกับก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2546 มณฑลทหารบกที่ 33 มีหนังสือถึงอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 แจ้งว่า ในการขอใช้ที่ดินของสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 มณฑลทหารบกที่ 33 ได้ตรวจสอบแล้ว บริเวณพื้นที่ที่ขอใช้ไม่คาบเกี่ยวกับอุทยานแห่งชาติ สุเทพ – ปุย ป.พัน.7 และหน่วยในพื้นที่แต่อย่างใด ประกอบกับสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 5 มีความจำเป็นเร่งด่วนในการขอใช้ที่ดิน จึงเห็นควรสนับสนุน

 6. สำนักงานศาลยุติธรรมได้มีหนังสือ ลงวันที่ 19 กันยายน 2548 ถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ขอใช้ที่ดินเนื้อที่ประมาณ 147 – 3 – 41 ไร่

 7.กรมธนารักษ์มีหนังสือ ลงวันที่ 21 กรกฎาคม 2549 แจ้งอนุญาตให้สำนักงานศาลยุติธรรมใช้ที่ดินราชพัสดุ แปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม. 1723 (บางส่วน) เนื้อที่ 147 – 3 – 30 ไร่ ตามวัตถุประสงค์ที่ขอใช้

8.จังหวัดเชียงใหม่มีหนังสือลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2549 จัดส่งหนังสืออนุญาตให้ใช้ที่ราชพัสดุให้สำนักงานศาลยุติธรรม ซึ่งเมื่อได้รับการอนุญาตให้เข้าใช้พื้นที่โดยถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้ดำเนินการด้านงบประมาณและการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จนได้ผู้รับจ้างและได้ลงนามในสัญญาโครงการก่อสร้างดังกล่าวในที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขทะเบียนที่ ชม. 1723 (บางส่วน) กับบริษัท พี.เอ็น.เอส.ไซน์ จำกัด ผู้รับจ้าง โดยมีบริษัท เอ็นจิเนียริ่งดีไซน์ คอนซัลแตนส์ จำกัด เป็นผู้คุมงาน วงเงินรวม 3 โครงการ จำนวน 955,064,056.28 บาม

โดย  โครงการที่ 1 ก่อสร้างอาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์ภาค 5 พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามสัญญาเลขที่ 87/2557 ลงวันที่ 8 กันยายน 2557 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง (ครั้งที่ 1 – 14) เป็นเงิน 290,495,056.28 บาท (สองร้อยเก้าสิบล้านสี่แสนเก้าหมื่นห้าพันห้าสิบหกบาทยี่สิบแปดสตางค์) กำหนดแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 สิงหาคม 2559 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก 242 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 27 เมษายน 2560 ผู้รับจ้างได้มีหนังสือส่งมอบงานเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2560 ศาลอุทธรณ์ภาค 5 ลงรับหนังสือเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2560 คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจรับงานงวดสุดท้าย เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 บัดนี้โครงการแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์และได้เข้าใช้งานแล้ว

โครงการที่ 2 ก่อสร้างบ้านพักผู้พิพากษา จำนวน 38 หน่วย อาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ จำนวน 16 หน่วย บ้านพักผู้อำนวยการ จำนวน 1 หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการศาลยุติธรรม จำนวน 36 หน่วย พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ตามสัญญาเลขที่ 31/2557 ลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2557 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง (ครั้งที่ 1 – 12) เป็นเงิน 321,670,000 บาท (สามร้อยยี่สิบเอ็ดล้านหกแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 4 สิงหาคม 2558 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาก่อสร้างออกไปอีก จำนวน 1,048 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างตามสัญญา ข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 โครงการที่ 2 นี้ มีการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้รับจ้างเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2557 แบ่งงวดงานออกเป็น 98 งวดงาน ส่งมอบงาน ตรวจรับและเบิกจ่ายเงินแล้ว 82 งวดงาน เป็นเงิน 244,962,886 บาท ยังไม่ได้ส่งมอบจำนวน 16 งวดงาน เป็นเงิน 76,707,114 บาท โดยมีผลงานการก่อสร้างสะสมตามแผนถึงเดือนเมษายน 2561 คิดเป็นร้อยละ 94.62 โดยมีผลงานก่อสร้างจริงร้อยละ 86.08

และโครงการที่ 3 ก่อสร้างบ้านพัก รวมจำนวน 9 หน่วย และอาคารชุดพักอาศัยข้าราชการตุลาการ จำนวน 64 หน่วย พร้อมสิ่งก่อสร้างประกอบ ศาลยุติธรรมในจังหวัดเชียงใหม่ตามสัญญาเลขที่ 55/2556 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2556 และบันทึกเพิ่มเติมต่อท้ายสัญญาจ้าง (ครั้งที่ 1 – 16) เป็นเงิน 342,900,000 บาท (สามร้อยสี่สิบสองล้านเก้าแสนบาทถ้วน) กำหนดแล้วเสร็จวันที่ 9 กรกฎาคม 2558 ได้รับอนุมัติให้ขยายเวลาทำการก่อสร้างออกไปอีก 1,066 วัน สัญญาสิ้นสุดวันที่ 9 มิถุนายน 2561 ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 ปรากฏว่าจากงวดงานทั้งหมด 60 งวดงาน มีการส่งมอบงาน ตรวจรับงานและเบิกจ่ายแล้ว 53 งวดงาน คิดเป็นเงิน 270,574,750 บาท ยังไม่ได้ส่งมอบอีก 7 งวดงาน เป็นเงิน 72,325,250 บาท มีผลงานสะสมตามแผนนับถึงเดือนเมษายน 2561 คิดเป็นร้อยละ 89.28 มีผลงานก่อสร้างจริง คิดเป็นร้อยละ 84.52 

 นายสราวุธ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวหากมองภาพในมุมสูง จะเห็นได้ว่า โครงการก่อสร้างดังกล่าวจะอยู่แนวระดับเดียวกับ สวนสัตว์ไนท์ ซาฟารี อ่างเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชุมชนช่างเคียน ชุมชนช้างเผือกเเละในการดำเนินการตามโครงการดังกล่าวสำนักงานศาลยุติธรรมได้ตระหนักถึงการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมเสมอมา บริเวณก่อสร้างที่มีต้นไม้มีเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 30 เซนติเมตรขึ้นไป ได้ขุดล้อมแล้วนำไปปลูกบริเวณใกล้เคียง โดยมีรายละเอียดของต้นไม้ที่ขุดล้อมไปคือ ต้นประดู่ จำนวน 29 ต้น ต้นพลวง จำนวน 86 ต้น สัก จำนวน 4 ต้น ต้นกระบากจำนวน 77 ต้น และไม้เนื้ออ่อนอื่นอีก 44 ต้น รวมจำนวน 240 ต้น ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะกรรมการตรวจการจ้าง นอกจากนี้ภายหลังการก่อสร้างแล้วเสร็จ สำนักงานศาลยุติธรรมมีโครงการปลูกต้นไม้อย่างต่อเนื่องโดยเบื้องต้นมีแผนจะปลูกต้นพยุงจำนวน 60 ต้น ต้นแคนาและแคนาป่า จำนวน 94 ต้น ต้นลีลาวดี จำนวน 299 ต้น และไม้พุ่มต่างๆ รวมจำนวน 6,400 ต้น แต่เนื่องจากสำนักงานศาลยุติธรรมมีข้อจำกัดในเรื่องกำลังคนและงบประมาณ จึงขอรับการสนับสนุนด้านกำลังคนและงบประมาณ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ เครื่องมือ อุปกรณ์ต่างๆ และต้นไม้ จากรัฐบาลเพื่อดำเนินการตามโครงการปลูกต้นไม้ดังกล่าวต่อไป

นายสราวุธยังกล่าวอีกว่า จากกรณีมีที่บุคคลกลุ่มหนึ่งพยายามให้ยุติและรื้อถอนโครงการดังกล่าวนั้น สำนักงานศาลยุติธรรมซึ่งเป็นคู่สัญญาไม่อาจดำเนินการตามข้อเรียกร้องที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ได้ เนื่องจากหากสำนักงานศาลยุติธรรมยุติโครงการย่อมจะตกเป็นฝ่ายผิดสัญญา ต้องถูกคู่สัญญาฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย ซึ่งจะทำให้รัฐต้องเสียงบประมาณในการชดใช้ค่าเสียหาย 

อีกทั้ง หากสำนักงานศาลยุติธรรมจะดำเนินการรื้อถอนก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้และยังเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รวมถึงอาจจะต้องถูกสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการหาผู้รับผิดชอบตามกฎหมายด้วย

จากข้อเท็จจริงและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าว สำนักงานศาลยุติธรรมจึงได้นำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม (ก.บ.ศ.)  ในวันนี้ และมีมติว่า ให้สำนักงานศาลยุติธรรมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง ชอบธรรมและด้วยสันติวิธี โดยตระหนักถึง การอยู่ร่วมกับธรรมชาติและรักษาสิ่งแวดล้อม และให้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรีถึงข้อเท็จจริงทั้งหมด โดยหากรัฐบาลเห็นสมควรประการใด เช่น ให้ชะลอการใช้บ้านพักเฉพาะส่วนที่มีการคัดค้านไว้ชั่วคราวหรือดำเนินการอื่นในระหว่างฟื้นฟูสภาพแวดล้อม สำนักงานศาลยุติธรรมก็ไม่ขัดข้อง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชนแล้วหนี! 2 หนุ่มกลัวถูกจับดึงสลักระเบิดดับ

2 หนุ่มชนแล้วหนี โบกรถมาขึ้นสามล้อเครื่อง ตำรวจตามกระชั้นชิด ตัดสินใจดึงสลักระเบิด แต่สะดุดล้มระเบิดตูมสนั่นดับ 1 ส่วนอีกคน ถูกจับโดยละม่อม

“ไบเดน” เปิดทำเนียบขาวต้อนรับ “ทรัมป์” ถกถ่ายโอนอำนาจ

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเปิดห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวหารือนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดี ซึ่งต่างให้คำมั่นการถ่ายโอนอำนาจจะเป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม” ชวนลงทุนคล้าย forex เสียหายกว่า 60 ล้าน

“อี้ แทนคุณ” เผยคดีใหม่ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ชักชวนลงทุนในดูไบ คล้าย forex ความเสียหายกว่า 60 ล้านบาท ขณะที่อีกฝ่ายอ้างนำเงินไปลงทุนจริงแต่ขาดทุน

ข่าวแนะนำ

“หนุ่ม กรรชัย” งดเคลียร์ “ฟิล์ม” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด

“หนุ่ม กรรชัย” ประกาศตัดสัมพันธ์ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ย้ำดำเนินคดีถึงที่สุด งดเคลียร์ ซัดเป็นคนไร้ศักดิ์ศรี ชี้เรื่องนี้ไม่ต้องเตือน ให้ย้อนไปดูที่บ้านได้สั่งสอนหรือไม่

เริ่มแล้ว ประเพณียี่เป็งหรือลอยกระทงเชียงใหม่

ประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทง จ.เชียงใหม่ ปีนี้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีจากแสงไฟที่ประดับไปทั่วเมือง และความงดงามทางวัฒนธรรมมากมาย ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย

“จิราพร” สั่งตรวจสอบปมคลิปเสียงอ้างชื่อ-จ่อแจ้งความเอาผิด

“จิราพร สินธุไพร” ยืนยันไม่รู้จักนักร้องเรียนหญิง ที่แอบอ้างว่าเป็นคณะทำงาน ประสานฝ่ายกฎหมายเร่งตรวจสอบคลิปเสียง เพื่อแจ้งความดำเนินคดี

“หนุ่ม กรรชัย” เข้าให้ปากคำปมถูกอ้างชื่อเรียกรับเงินบอส “ดิไอคอน”

“หนุ่ม กรรชัย” เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯ ให้ปากคำกรณีถูกแอบอ้างชื่อเรียกรับเงินผู้บริหาร “ดิไอคอน”