ศธ. 5 เม.ย.-ประธานฯสอบทุจริตเงินกองทุนเสมา เผยผลสืบสวนคืบหน้ากว่าร้อยละ 90 ส่วน ‘รจนา’ติดต่อไม่ได้แต่ไม่มีผลต่อการสอบ พร้อมเตรียมส่งหลักฐานให้ ป.ป.ท.10 เม.ย.นี้
นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต กล่าวถึงความคืบหน้าผลการสืบสวน ว่า ตลอดทั้งวันนี้มีผู้เกี่ยวข้องเข้าให้ข้อมูลในฐานะพยานแล้ว 2 ปาก ซึ่งแจ้งเข้ามาทั้งหมด 4 ปาก จากที่เชิญไป 10 ปาก โดยเน้นสอบถึงประเด็นการทำงานมีความละเอียดรอบคอบมากน้อยเพียงใด เพราะ 4 ปากนี้เป็นระดับผู้ปฏิบัติงานในฐานะผู้กลั่นกรองงาน ซึ่งส่วนใหญ่ได้ชี้แจงเหตุผลว่าผ่านการกระบวน การต่างๆ มาหลายคนแล้ว จึงมีการเซ็นต์อนุมัติ ซึ่งยังสรุปไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์เชื่อมโยงกับนางรจนา สินที อดีตข้าราชการซี 8 หรือไม่ เพราะต้องสืบข้อมูลด้านอื่นๆ ประกอบด้วย
นายอรรถพล กล่าวอีกว่า ส่วนวันนี้ที่เชิญนางรจนาเข้าชี้แจงอย่างเป็นทางการครั้งแรกนั้น คณะกรรมการพยายามติดต่อทางโทรศัพท์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ พบว่าปิดเครื่อง ซึ่งคงไม่เชิญรอบ 2 เพราะการที่นางรจนาไม่เดินทางมา ต้องมีการชี้แจงเหตุผลถือว่าเปิดโอกาสให้ชี้แจงแล้ว ยืนยัน หากนางรจนาไม่เข้ามาให้ข้อมูล ไม่ส่งผลต่อการเอาผิดกับข้าราชการระดับสูง เพราะมีข้อมูลมากเพียงพอ ที่จะสืบหาความเชื่อมโยงในการทุจริตได้ และวันนี้มีหนังสือแจ้งมาจากอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูง ที่เป็นผู้เซ็นต์อนุมัติกองทุนเสมาฯ ขอขยายเวลาอีก 15 วัน เพื่อส่งทนายเป็นตัวแทน เข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้วหลายปี เอกสารจึงค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งคณะกรรมการก็มีมติ ขยายเวลาให้ถึงวันที่ 25 เม.ย.นี้
อย่างไรก็ตามก่อนสงกรานต์นี้คณะกรรมการจะสรุปข้อมูลบางส่วนก่อน เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาวินิจฉัยอีกครั้งว่าใครจะมีมูลความผิด สามารถดำเนินการเอาผิดด้านวินัยได้บ้าง โดยภาพรวมในการสืบหาข้อเท็จจริง ขณะนี้มีความคืบหน้าไปแล้วมากกว่าร้อยละ 90
นอกจากนี้ ในวันที่10 เม.ย.นี้ เวลา 11.00 น.ตนได้นัดหมายกับ ป.ป.ท.ในการนำส่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ตรวจยึดมาได้จากห้องทำงานของนางรจนา เพื่อให้ ป.ป.ท.นำไปสืบค้นต่อไป เนื่องจากหลักฐานบางอย่างเกินความสามารถที่ทางคณะกรรมการจะสืบค้น เช่น ข้อมูลในคอมพิวเตอร์ ที่มีโปรแกรมค่อนข้างซับซ้อน
ทั้งนี้ จากการสืบข้อเท็จจริงการทุจริตกองทุนเสมาฯ พบช่องโหว่ในระบบการทำงานหลายด้าน เช่น วาระการประชุมในปีนี้ แต่กลับให้เซ็นต์รับรองผลการประชุมปีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงของกระทรวงศึกษาฯ .-สำนักข่าวไทย