หน่วยงานขนส่งเข้มป้องกันอุบัติเหตุสงกรานต์

กรุงเทพฯ  4 เม.ย. – หน่วยงานขนส่งทางบกผนึกกำลัง One Transport  เปิดโครงการ “สงกรานต์วิถีไทย คมนาคมห่วงใย ปลอดภัยทุกการเดินทาง” ยกระดับเข้มข้นทุกมาตรการเพื่อป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 พร้อมดูแลอยู่เคียงข้างเป็นเพื่อนเดินทางตลอด 24 ชั่วโมง


นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2561 ซึ่งเป็นการบูรณาการร่วมกันระหว่าง กรมการขนส่งทางบก และกรมทางหลวง ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย คมนาคมห่วงใย ปลอดภัยทุกการเดินทาง” เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยการเดินทางของประชาชน 

นายธีระพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงคมนาคมเน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบริการและอำนวยความสะดวกด้านระบบคมนาคมขนส่ง เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนทั้งเที่ยวไปและกลับ โดยเฉพาะหน่วยงานซึ่งรับผิดชอบดูแลการเดินทางบนท้องถนน กำหนดมาตรการบริหารจัดการอำนวยความสะดวกการจราจร ตรวจสอบปรับปรุงผิวจราจรและไหล่ทางให้อยู่ในสภาพดีไม่เป็นอุปสรรคที่อาจเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุ พร้อมบูรณาการหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมจัดตั้งเต็นท์ One Transport บน 77 สายทางบนโครงข่ายกระทรวงคมนาคม  สำหรับเป็นศูนย์อำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางตลอดช่วงสงกรานต์ ด้านบริการขนส่งสาธารณะในส่วนของกรมการขนส่งทางบกให้บริหารจัดการรถโดยสารให้เพียงพอ จัดเตรียมรถโดยสารไม่ประจำทางมาให้บริการเสริมในเส้นทาง เพื่อไม่ให้มีผู้โดยสารตกค้าง โดยต้องได้รับอนุญาตและแสดงหลักฐานการอนุญาตไว้ที่ด้านหน้ารถ และเป็นการวิ่งเสริมในเส้นทางเดิมที่พนักงานขับรถมีความคุ้นชินเส้นทางด้วย


ทั้งนี้ เพิ่มความเข้มข้นในการตรวจสอบความปลอดภัยในสถานีขนส่งผู้โดยสารทุกแห่งทั่วประเทศ โดยกรมการขนส่งทางบกมีมาตรการเข้มงวดตรวจสอบความปลอดภัยของรถโดยสารประจำทางและรถโดยสารไม่ประจำทางที่นำมาวิ่งเสริมทุกคัน ควบคู่กับการตรวจความพร้อมของพนักงานขับรถและผู้ประจำรถทุกคน ต้องไม่มีสารเสพติด และแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ 100%  หากตรวจพบมีสารเสพติดในร่างกายจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที  กรณีพบมีแอลกอฮอล์ต้องในลมหายใจ หากตรวจสอบพบก่อนปฏิบัติหน้าที่ให้เปลี่ยนพนักงานขับรถ และกรณีตรวจพบขณะปฏิบัติหน้าที่จะส่งดำเนินคดี ตามกฎหมายทันที พร้อมกำชับให้ผู้ขับรถโดยสาร “ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดด้วยการ “ขับช้า” ตลอดเวลาขณะขับรถ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน “เปิดไฟหน้า” และควบคุมให้ผู้โดยสาร “คาดเข็มขัดนิรภัย” ตลอดการเดินทาง

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า สำหรับเทศกาลสงกรานต์ 2561 กรมการขนส่งทางบกเข้มทุกมาตรการ เพื่ออำนวยความสะดวกและปลอดภัยแก่ประชาชนตลอดการเดินทาง ตรวจสอบความปลอดภัยตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารสาธารณะและคนขับรถทั่วประเทศเข้มข้น เด็ดขาด จริงจัง ทันที ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารและจุดจอดรถ รวม 212 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่ต้นทาง ระหว่างทาง จนถึงจุดปลายทาง ตามมาตรการเข้มข้น 777 ยกกำลัง 3 ของกระทรวงคมนาคม แบ่งเป็น 7 วันก่อนเทศกาล วันที่ 4-10 เมษายน 2561, 7 วัน ระหว่างเทศกาล วันที่ 11-17 เมษายน 2561 และ 7 วันหลังเทศกาล วันที่ 18-24 เมษายน 2561 หากตรวจพบรถโดยสารสาธารณะคันใดมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง อาจเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่การขนส่งดำเนินการพ่นข้อความ “ห้ามใช้รถ” ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยและนำรถเข้าตรวจสภาพกับกรมการขนส่งทางบกก่อนนำกลับมาให้บริการ 

ด้านพนักงานขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถถูกต้องตรงตามประเภท มีความพร้อมพักผ่อนเพียงพอ ลงบันทึกสมุดประจำรถ สารเสพติดและแอลกอฮอล์ต้องเป็นศูนย์ หากพบชั่วโมงการทำงานเกินที่กฎหมายกำหนด ใช้สารเสพติด ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดำเนินการเด็ดขาด “สั่งห้ามปฏิบัติหน้าที่” พร้อมบังคับใช้กฎหมายลงโทษขั้นสูงสุดในทุกกรณีความผิด ทั้งเปรียบเทียบปรับ พักใช้เพิกถอนใบอนุญาตขับรถ ใบอนุญาตประกอบการขนส่ง ผู้ประกอบการต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยทุกกรณี สำหรับมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยระหว่างทางบนถนนสายหลักและสายรอง ตั้งจุดตรวจความพร้อมรถโดยสารและคนขับ ณ จุดตรวจความพร้อม 11 จังหวัด 14 แห่ง และเพิ่มจุดตรวจ Checkpoint อีก 5 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 16 จังหวัด 19 แห่งทั่วประเทศ พร้อมจัดหน่วยเคลื่อนที่ตรวจจับความเร็วรถโดยสารสาธารณะด้วยกล้องตรวจจับความเร็วด้วยแสงเลเซอร์ และเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมพฤติกรรมพนักงานขับรถผ่านระบบ GPS Tracking แบบออนไลน์ Real-time ผ่านศูนย์ GPS ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค รวมถึงผ่านแอพพลิเคชั่น “DLT GPS” ติดตามรถโดยสารสาธารณะ ตรวจสอบความเร็ว ชั่วโมงการทำงาน รู้พิกัด รู้จุดจอด ร้องเรียนพฤติกรรมเสี่ยงได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ด้านนายธานินทร์ สมบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยถึงการดำเนินการตามมาตรการ 777 ยกกำลัง 3 ภายใต้ภารกิจของกรมทางหลวง ช่วง 7 วันก่อนเทศกาล ตรวจสอบความพร้อมของเส้นทางในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัย 7 วันระหว่างช่วงเทศกาล วิ่งตรวจเส้นทางและตั้งจุดเฝ้าระวังตลอดเส้นทาง ประสานตั้งจุดตรวจความเร็วและตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ เตรียมรถซ่อมบำรุงเคลื่อนที่ปฏิบัติงานบนทางหลวงสายหลักที่เดินทางไปยังภูมิภาคต่าง ๆ รวมทั้งงดเว้นการเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ส่วน 7 วันหลังเทศกาล ปรับระดับการเฝ้าระวัง รวบรวมและสรุปข้อมูลเพื่อประเมินผล นอกจากนี้  ได้จัดทำแผนที่แนะนำเส้นทางการเดินทางช่วงเทศกาลเพื่อมอบให้ประชาชนใช้ในการวางแผนการเดินทาง รวมถึงประสานงานกับกองบังคับการตำรวจทางหลวง ซึ่งมีจุดให้บริการตำรวจทางหลวง 200 แห่ง ตลอดจนประสานงานกับหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกปลอดภัยในการเดินทาง พร้อมป้องกันและลดการสูญเสียชีวิต รวมทั้งทรัพย์สินของประชาชน 

ทั้งนี้ กรมการขนส่งทางบกยังบูรณาการความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ อาทิ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาจัดนักศึกษาจากวิทยาลัยเทคนิคและวิทยาลัยการอาชีพ ตั้งจุดบริการอำนวยความสะดวกเพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน บนถนนสายหลัก 189 จุดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 11 -17 เมษายน 2561 เพื่อให้ประชาชนเข้าไปนั่งพักผ่อน คลายความเหนื่อยล้า และบริการตรวจสภาพรถเบื้องต้น รวมถึงการบูรณาการร่วมกับภาคีเครือข่ายภาคเอกชนให้บริการตรวจเช็กสภาพรถก่อนเดินทางฟรี ณ สถานบริการที่มีป้ายประชาสัมพันธ์ “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม – 30 เมษายน 2561 ในส่วนของการเตรียมพร้อมรองรับการเดินทางของประชาชนทั้งเที่ยวไปและเที่ยวกลับ ร่วมกับ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) สมาคมผู้ประกอบการรถขนส่งทั่วไทย (สปข.) และผู้ให้บริการรถโดยสารสาธารณะ เพิ่มจุดจอดขึ้นลงรถ ณ กรมการขนส่งทางบก จตุจักร ระหว่างวันที่ 10-12 เมษายน 2561 และวันที่ 16-19 เมษายน 2561 เพื่อลดความแออัดและบรรเทาปัญหาด้านการจราจรบริเวณโดยรอบสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) บริหารจัดการให้บริการรถแท็กซี่ รถจักรยานยนต์สาธารณะ ให้เพียงพอ ภายใต้การควบคุมการให้บริการอย่างเข้มงวด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย

กทม. 18 ก.ย.-เพลิงไหม้อาคารกองบัญชาการกองทัพไทย คาดไฟฟ้าลัดวงจรและลุกลามไปยังห้องข้างเคียง ไม่พบผู้บาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรง เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ก.ย.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้เกิดเหตุห้องอาหาร 50 จากตู้ควบคุมวงจรไฟฟ้ามีเพลิงไหม้ (ไฟฟ้าลัดวงจร) และลุกลามไปยังพื้นที่ข้างเคียงตึกกองบัญชา บกทท. บริเวณชั้น6 ข้างห้อง เสธนาธิการทหาร เจ้าหน้าที่เวรยาม และสารวัตรทหาร ได้ช่วยกันใช้ถังดับเพลิงในการดับเพลิงแต่ไม่สามารถเข้าถึงต้นเพลิงในการระงับดับไฟได้ จึงได้ประสานรถตับเพลิงและขอส่วนสนับสนุนรถดับเพลิง นทพ. มาช่วยในการระดับดับเพลิง โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้เข้าตรวจสอบและดำเนินการระงับเหตุในทันที เบื้องต้นสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น คาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร ทั้งนี้ ยังไม่พบผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างอาคารแต่อย่างใด กองบัญชาการกองทัพไทย ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างใกล้ชิด และจะรายงานความคืบหน้าให้ประชาชนและสื่อมวลชนรับทราบต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

“รังสิมันต์” เบรกกัมพูชากลางวง AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนปมเปิดด่าน

มาเลเซีย 17 ก.ย.- “รังสิมันต์” เบรกกัมพูชา กลางวงประชุม AIPA หลังเสนอวาระเร่งด่วนประเด็นขัดแย้งไทย-กัมพูชา หารือปมเปิดด่าน หวั่นเป็นประเด็นการเมือง-ละเอียดอ่อน ชี้ มีกระบวนการ IOT และ GBC อยู่แล้ว นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้แทนรัฐสภาไทยในการประชุมคณะกรรมการบริหาร AIPA กล่าวถึงข้อเสนอของกัมพูชาผ่านเวที AIPA ว่าเป็นการเสนอในระยะเวลากระชั้นชิดเป็นช่วงสุดท้าย ที่เปิดให้ประเทศสมาชิกเสนอวาระเร่งด่วนได้ ดังนั้นทีมไทยแลนด์ที่นำโดยนายฉลาด ขามช่วง เมื่อทราบ ข้อเรียกร้องของกัมพูชาจึงได้เตรียมการในเรื่องนี้ ซึ่งจากเดิมได้เรียกร้อง 2 ข้อ คือ 1. เรื่องเฉลยศึก ที่ทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัว ในช่วงเวลาที่มีการปะทะ และ 2. เรื่องการเปิดด่านชายแดน แต่ท้ายที่สุดทางกัมพูชากลับเรียกร้องบนเวที AIPA เพียงเรื่องการเปิดด่านชายแดนเท่านั้น จึงรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงหยิบยกมาเพียงเรื่องนี้ ในเมื่อกระบวนการของคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว หรือ IOT ผ่านไป และค่อนข้างราบรื่น ดังนั้นการหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาพูดคุยอีกครั้ง จากการแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ระหว่างไทย และ […]

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูเชิญถกอาเซียน ยันไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยได้

พรรคภูมิใจไทย 19 ก.ย.- “อนุทิน” รับ “อันวาร์” ยกหูหาเชิญร่วมประชุมอาเซียน ยันไม่มีใครเคลียร์-แทรกแซงรัฐบาลได้ หลัง “ฮุน มาเนต” ขอมาเลเซียเป็นตัวกลาง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ออกมาเปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยเป็นการส่วนตัว โดยนายอนุทิน ยอมรับว่า เมื่อวานนายอันวาร์ได้โทรมาหา พูดคุยถึงการเชื้อเชิญว่า ถ้าหากตนได้รับตำแหน่งเรียบร้อยแล้วคงจะได้พบกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในช่วงเดือนหน้า ส่วนการพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนจังหวัดสระแก้ว นายอนุทิน ระบุว่า ไม่ได้มีการพูดคุยในรายละเอียด อีกทั้งตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก เนื่องจากยังไม่ได้เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งขณะนี้ก็ยังคงมีรัฐบาลรักษาการ เราให้เกียรติกัน “ผมรับตำแหน่งได้ ก็ต่อเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อน ส่วนเรื่องนโยบาย ข้อสั่งการ ต้องรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งขณะนี้เราก็ยังรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไว้ให้มากที่สุด” นายอนุทิน กล่าว ส่วนกรณีที่นายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร้องขอไปยังนายอันวาร์ เพื่อให้เข้ามาแทรกแซงการเจรจานั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีใครแทรกแซงรัฐบาลไทยและอธิปไตยของไทยได้ ส่วนเรื่องการพูดคุย นายอนุทิน ย้ำว่า เราสามารถทำได้ เพราะเป็นคนที่คุ้นเคยรู้จักกัน […]

“อนุทิน” กินข้าว “อภิสิทธิ์” ขอคำแนะนำอดีตนายกฯ

กทม. 19 ก.ย.- “อนุทิน” โพสต์ภาพร่วมโต๊ะกินมื้อกลางวันคู่กับ “อภิสิทธิ์” บอกขอคำแนะนำอดีตนายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพรับประทานอาหารกลางวันคู่กับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 27 ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งเป็นการส่วนตัว พร้อมระบุข้อความว่า “ได้รับคำแนะนำที่มีประโยชน์และคุณค่ามากมายจากท่านนายกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ได้ให้เกียรติมาให้กำลังใจและทานอาหารกลางวันด้วยกันในวันนี้ ขอบพระคุณท่านมากครับ” ทั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวแรกของนายกรัฐมนตรี หลังจากที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนายอนุทิน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีอีกกระแสข่าว ที่เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ กลับไปเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ -สำนักข่าวไทย

รวบยกแก๊ง 4 ชาวอังกฤษขับรถชิงทรัพย์ชาวอเมริกัน

ภูเก็ต 19 ก.ย. – วานนี้มีเหตุอุกอาจกลางเมืองภูเก็ต กลุ่มชายฉกรรจ์ขับรถชนรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหายก่อนลงไปชิงนาฬิกาหรู มูลค่ากว่า 2 ล้าน เช้านี้ตำรวจรวบผู้ก่อเหตุได้ครบ เชื่อวางแผนทำกันเป็นขบวนการ.-สำนักข่าวไทย

ไทยยึดหลักสากล จัดการปมบ้านหนองหญ้าแก้ว

กระทรวงการต่างประเทศ 19 ก.ย.- “อนุทิน” แจงประธานอาเชียน เหตุบ้านหนองหญ้าแก้ว ไทยยืนยันยึดหลักสากล จัดการปัญหา กัมพูชาขัดข้อตกลงหยุดยิง ใช้ประชาชนเป็นโล่มนุษย์ ไร้มนุษยธรรม ไม่สร้างสรรค์ บิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมเรียกร้องกัมพูชาแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหา นายนิกรเดช พลางกูล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ที่มีการรื้อถอนสิ่งกีดขวางของฝ่ายไทย และมีการปะทะจนมีเจ้าหน้าที่ไทยได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือเป็นการทำผิดกฎหมายไทยหลายมาตรา โดยย้ำว่าที่ผ่านมาฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัดทุกประการมาโดยตลอด ข้อตกลงนี้เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะปูทางไปสู่สันติภาพ แม้สถานการณ์สงบลง แต่กัมพูชายังยั่วยุในรูปแบบต่างๆ ซึ่งขัดข้อตกลงหยุดยิง พร้อมย้ำว่าการวางเครื่องกีดขวางเสริมความมั่นคง เป็นการดำเนินการในอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยอดกลั่น และใช้เวลาชี้แจงกับประชาชนกัมพูชา แต่ไม่เป็นผล ที่สุดเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนของไทยต้องเข้าระงับเหตุตามหลักสากล ตามหลักมนุษยชนการปลุกระดมให้ประชาชนมาเป็นโล่มนุษย์ ขัดกฎหมายระหว่างประเทศ ไร้มนุษยธรรม ขาดความรับผิดชอบ ไม่สร้างสรรค์ และไม่ยึดถือประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง นอกจากนี้ ทั้ง 2 ประเทศให้คำมั่นหยุดยิงไปแล้ว แต่กัมพูชาเลือกเส้นทางจากต่างไทยโดยสิ้นเชิง ไทยมุ่งมั่นแสวงหาสันติภาพ ซึ่งต่างจากกัมพูชาที่แสวงหาความรุนแรง การวางรั้วลวดหนามของฝ่ายไทย เป็นไปเพื่อป้องกันการปะทะ และเพื่อสร้างความปลอดภัยของประชาชนทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ และเหตุความรุนแรงอาจนำไปสู่การสูญเสีย […]