เชียงราย 3 เม.ย. – การสกัดจับยาบ้าเกือบ 10 ล้านเม็ด และไอซ์อีกเกือบ 800 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท บริเวณชายแดนไทย-ลาว ด้านจังหวัดเชียงราย ถือว่าเป็นการจับกุมยาเสพติดครั้งใหญ่สุดครั้งหนึ่งในไทย และยังมีการจับกุมยาเสพติดครั้งละจำนวนมาก ๆ ติดต่อกันในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมีข้อมูลว่าอาจจะเชื่อมโยงกับสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านที่ชนกลุ่มน้อยต้องเร่งระบายยาเสพติดออกมาแลกกับอาวุธสงคราม
ยาบ้า 47 กระสอบ รวมเกือบ 10 ล้านเม็ด พร้อมกับยาไอซ์บรรจุถุงชาจีน ถุงละ 1 กิโลกรัม อีกเกือบ 800 ถุง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท บรรทุกมาในรถยนต์กระบะเหมือนการขนสินค้าทั่วไป ตำรวจและทหารสกัดจับได้ใกล้หมู่บ้านไทยเจริญ ต.ม่วงยาย ชายแดนไทย-ลาว ด้านอำเภอเวียงแก่น จ.เชียงราย กลายเป็นการยึดยาเสพติดครั้งใหญ่ที่สุดในไทย
เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายในขบวนการได้ 3 คน เป็นชาย 2 หญิงอีก 1 คน อยู่ระหว่างขยายผล เบื้องต้นพบว่าเป็นกลุ่มเครือข่ายชนเผ่าที่รับจ้างลำเลียงยาเสพติดและมีอิทธิพลแถบนี้ทั้งฝั่งไทยและลาว คาดขนยาเสพติดทั้งหมดข้ามลำน้ำโขงเข้ามาฝั่งไทย เตรียมนำไปเก็บไว้พื้นที่พักยา รอทยอยส่งช่วงสงกรานต์
หากวิเคราะห์จากยาบ้าที่ตรวจยึดได้ เป็นยาบ้าตรา วาย 1 ยาบ้า เกรดดีสุดในตลาดของกลุ่มว้าเหนือ และตรา 999 ของมูเซอ คาดถูกสกัดกั้นอย่างหนักจากชายแดนฝั่งตะวันตก จึงต้องขนล่องลำน้ำโขงเข้าลาวแล้วข้ามลำน้ำโขงย้อนกลับมาเข้าไทย เพราะจุดที่สกัดจับได้ใกล้แก่งผาได อ.เวียงแก่น เป็นช่วงที่น้ำโขงแคบที่สุดจุดหนึ่ง
สอดคล้องกับข้อมูลของกองทัพภาคที่ 3 ที่ได้รับการแจ้งเตือนจากทางการเมียนมา จะมียาเสพติดจำนวนมหาศาลที่จ่อทะลักเข้าไทยในช่วงนี้ เฉพาะยาบ้ามีไม่ต่ำกว่า 30 ล้านเม็ด เพราะชนกลุ่มน้อยกำลังเร่งระบายยาเสพติดที่ผลิตจากโรงงานต่างๆ เพื่อใช้เป็นทุนในการสะสมอาวุธ หลังทางการเมียนมาเตรียมกวาดล้างชนกลุ่มน้อยที่ผลิตยาเสพติดในเร็วๆ นี้
นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ช่วง 5 เดือนมานี้ เจ้าหน้าที่สกัดจับยาบ้าตามแนวชายแดนภาคเหนือได้ไม่ต่ำกว่า 11 ล้านเม็ด หากรวมครั้งนี้ของกลางที่ยึดได้จะพุ่งกว่า 20 ล้านเม็ด ไม่รวมกับที่หลุดรอดไปได้ โดยพบยาบ้าหลากหลายยี่ห้อจากชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มที่ผลิตและปั๊มยี่ห้อของตัวเอง รวมทั้งยาไอซ์อีกมากมายที่ทะลักเข้ามา และอีกด้านหนึ่งแสดงให้เห็นว่าลูกค้ายังมีความต้องการยาเสพติดมากมายเช่นกัน. – สำนักข่าวไทย