กทม.3 เม.ย. – กองปราบ สั่งฟ้องสำนวนคดีหมวดจรูญกล่าวหาครูปรีชา แจ้งความเท็จ ส่วนสำนวนครูปรีชากล่าวหาหมวดจรูญ สั่งไม่ฟ้อง ด้านอัยการ เตรียมตั้งคณะทำงานพิจารณาเพื่อความรวดเร็ว
พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี รองผบช.ก. พร้อมพล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป.และคณะพนักงานสอบสวนกองปราบปราม นำเอกสารสำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท จำนวน 2 สำนวน ที่นายปรีชา ใคร่ครวญ และร้อยตำรวจโทจรูญ วิมูล กล่าวหาซึ่งกันและกัน เหตุเกิดในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี โดยเอกสารมีมากถึง 3 ลัง กว่า 1,500 หน้า ส่งให้พนักงานอัยการ มีนายพิทักษ์ อบสุวรรณ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา เป็นผู้รับมอบพร้อมกล่าวว่า 2 สำนวนที่รับ ประกอบด้วย สำนวนที่ ร.ต.ท.จรูญ วิมูล และพ.ต.ท.ประวีณ ปาณะศรี ร่วมกันกล่าวหานายปรีชาใคร่ ครวญ และน.ส.รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ร่วมกันแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน, แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ และรู้ว่ามิได้มีการกระทำผิดเกิดขึ้นแต่แจ้งเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาว่าได้มีการกระทำความผิด เหตุเกิด 2 พ.ย. และ 28 พ.ย.60 ต่างกรรมต่างวาระกัน ในจ.กาญจนบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง อีกสำนวนคือนายปรีชา กล่าวหา ร.ต.ท.จรูญ ลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์ตกหล่นหรือรับของโจร เหตุเกิด 31 ต.ค.-3 พ.ย.60 สำนวนนี้พนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา โดยหลังรับมอบสำนวน อัยการจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาเพื่อความรวดเร็ว คาดพิจารณาทันกำหนดฝากขังผัด 4 ซึ่งเป็นผัดสุดท้ายที่จะครบในวันที่ 18 เม.ย.นี้
จากการตรวจสอบยังไม่พบว่าผู้ต้องหา มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมมายังสำนักงานอัยการ ส่วนประเด็นผู้ใดเป็นเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง ยังไม่สามารถตอบได้ หากอัยการพิจารณาสำนวนที่ครูปรีชา กล่าวหา หมวดจรูญแล้วมีความเห็นสอดคล้องกับพนักงานสอบสวนคือไม่ฟ้อง หมวดจรูญก็เท่ากับเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนในขั้นตอนของศาลแพ่งจะมีความเห็นอย่างไรไม่สามารถก้าวล่วงได้ แต่ปกติแล้วการดำเนินการทางกฎหมายที่มีการฟ้องร้องทั้งแพ่งและอาญา ทางคดีแพ่งจะรอการดำเนินการในส่วนของคดีอาญาให้เสร็จสิ้นก่อน
พล.ต.ต.ชาญ กล่าวว่า หลัง บช.ก.ได้รับมอบสำนวนมาจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มอบหมายให้กองปราบดำเนินการสอบสวนโดยใช้การตรวจพิสูจน์ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ ควบคู่กับการสอบปากคำพยานทั้งหมดในคดีจนครบถ้วนจึงนำสำนวนทั้ง 2 สำนวน มาส่งให้อัยการ
กรณีคลิปเสียงพาดพิงว่ากองปราบรับผลประโยชน์ ทาง ผบก.ป.ระบุว่าหากเป็นการกล่าวหาตนจะไม่ถือโทษ แต่จากการฟังคลิปพาดพิงองค์กร ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ ยืนยันว่าจะดำเนินการเอาผิดผู้เกี่ยวข้อง แต่ขอตรวจสอบคลิปต้นฉบับเพื่อความรอบคอบ พร้อมยืนยันว่ากองปราบและกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทำคดีตรงไปตรงมาไม่เคยรับผลประโยชน์.-สำนักข่าวไทย