ไทยพาณิชย์จับตาสงครามการค้าโลก แต่คงเป้าจีดีพีที่ร้อยละ 4

กรุงเทพฯ 2 เม.ย. – ไทยพาณิชย์ คงจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4 จับตาความเสี่ยงสงครามการค้าโลก อาจกระทบต่อส่งออกไทยโตร้อยละ 5


นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่   ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (อีไอซี) กล่าวว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ยังคงอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยปีนี้โต ร้อยละ 4 ดีขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 3.9 แรงขับเคลื่อนหลักมาจากการส่งออก และ การท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นร้อยละ7.9 และการส่งออกสินค้าของไทยขยายตัวที่ร้อยละ 5 แต่ยังจับตาความเสี่ยงภาคการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น คาดสิ้นปีนี้อยู่ที่ 30-31 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะกระทบต่อกำไรกลุ่มสินค้าเกษตรเป็นหลัก ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงจากการที่สหรัฐเริ่มมาตรการกีดกันทางการค้า และสถานการณ์อาจจะบานปลาย ไปเป็นสงครามทางการค้าระหว่างประเทศ หากมีมาตรการตอบโต้จากประเทศที่ได้รับผลกระทบ จะเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการส่งออกไทย แต่ยังเชื่อว่าสงครามการค้าโลกไม่น่าจะเกิดขึ้น

นายยรรยง กล่าวว่า การเติบโตที่ต่อเนื่องในภาคการส่งออกส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตปรับสูงขึ้นอยู่ที่ร้อยละ 67-68  ถือเป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนภาคเอกชน ประกอบกับมีความชัดเจนที่มีเพิ่มขึ้นของโครงการลงทุนภาครัฐ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก( EEC) ดึงดูดการลงทุนภาคเอกชนทั้งจากในและต่างประเทศ โดยคาดว่าการลงทุนภาครัฐขยายตัวร้อยละ 11.1 และการลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 3


ด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศกระจุกตัว โดยการใช้จ่ายของกลุ่มผู้มีรายได้สูงยังขยายตัวต่อเนื่อง จากการซื้อสินค้าคงทน นำโดยยอดขายรถยนต์ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของผู้บริโภคในกลุ่มผู้มีรายได้น้อยมีข้อจำกัด ทั้งจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการจ้างงานแบบล่วงเวลาลดลง ซึ่งสะท้อนถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ยังไม่ส่งผ่านถึงตลาดแรงงานมากนัก ส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนโตเพียงร้อยละ 2.3 

“อีไอซี จะมีการทบทวนจีดีพีและการส่งออก อีกครั้งในข่วงไตรมาส 2 โดยจะขอติดตามการส่งออก หลังจากที่การส่งออก 2 เดือนแรกของปีนี้ เพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 13.8  เนื่องจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมราคาสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่ง แนวโน้มราคาน้ำมันครึ่งปีหลังมีโอกาสปรับลดลง คาดปีนี้ราคาน้ำมันดิบเบรนท์เฉลี่ยอยู่ที่ 64 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล”นายยรรยง กล่าว

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย คาดว่าทรงตัวที่ร้อยละ 1.50 เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจกระจุกตัว เงินเฟ้อต่ำปรับขึ้นช้าๆ อยู่ที่ร้อยละ1.1 และ คาดคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.อาจปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล