นนทบุรี 29 มี.ค.-รองนายกรัฐมนตรีประกาศจุดยืนพร้อมเข้าร่วม
ข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย-แปซิฟิก หรือ CPTPP ให้ได้ภายในปีนี้
และเตรียมทบทวนกรอบการค้าเจเทปป้าไทย-ญี่ปุ่นเพิ่มเติม
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
กล่าวภายหลังการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์
โดยได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์เตรียมข้อมูลทุกด้าน
เพื่อเข้าร่วมข้อตกลงความครอบคลุมและก้าวหน้าเพื่อหุ้นส่วนการค้าภาคพื้นเอเชีย- หรือ
CPTPP ของ 11
สมาชิกที่เหลือจากกรอบความร่วมมือเดิม คือ
“TPP” หรือ ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก
ที่สหรัฐถอนตัวไปแล้ว
เนื่องจากการผลศึกษาประเทศไทย จะได้ประโยชน์จากการเข้าร่วมดังกล่าว
โดยให้กระทรวงพาณิชย์ ตั้งคณะทำงานขึ้นมา เพื่อประสานงานกับทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง
ในการจัดทำข้อมูลรายการสินค้า
เพื่อเตรียมพร้อมการเจรจาระหว่างการเดินทางเยือนประเทศญี่ปุนเร็วๆนี้ โดยมีเป้าหมายให้สามารถเข้าร่วมได้ภายในปีนี้
ซึ่งจะทำให้ไทยมีขีดความสามารถในการแข่งขันทั้งการค้าและการลงทุนในด้านต่างๆมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการเจรจาดังกล่าว
จะสอดคล้องกับการทบทวนกรอบการเจรจาการเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ ไทย-ญี่ปุ่น หรือ
เจเทปป้า ที่จะต้องมีการทบทวนนอกเหนือจากรายการสินค้าทั่วไป
เป็นความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนที่มีความใกล้ชิดมากขึ้น
ส่วนท่าทีนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ
ที่ประกาศใช้มาตรการกีดกันทางการค้ากับจีนนั้น กระทรวงพาณิชย์
ได้ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด
ซึ่งยอมรับว่าไทย จะได้ผลกระทบต่อเนื่องจากห่วงโซ่การผลิต และการส่งออก
แต่ในทางกลับกัน ถือเป็นโอกาสที่ไทย จะทำตลาดไปยังสหรัฐด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านจีน
โดยขณะนี้ เร่งให้กระทรวงพาณิชย์ หาข้อมูลให้รอบด้าน เพื่อเรียกประชุมผู้ประกอบการ
เตรียมความพร้อมเป็นการล่วงหน้า รับมือ
และหาแนวทางการใช้ประโยชน์จากนโยบายสหรัฐฯให้ได้มากที่สุด
ตลอดจนหาโอกาสไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหรัฐ
เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างรอบคอบที่สุด และในช่วงต้นเดือนเมษายนนี้
ปลัดกระทรวงพาณิชย์จะเดินทางเยือนสหรัฐเพื่อชี้แจงรายละเอียดในกลุ่มสินค้าเหล็กให้สหรัฐได้ทราบหลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐได้ประกาศขึ้นภาษีเหล็กจากประเทศต่างๆอีกด้วย
นอกจากนี้
ส่วนมาตรการดูแลค่าครองชีพให้กับประชาชนโดยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น
ได้ให้กระทรวงพาณิชย์ไปสำรวจดูว่าสินค้ากลุ่มไหนที่ประชาชนมีความต้องการใช้มากสุด
เพื่อจะได้เจรจาต่อรองกับผู้ผลิตสินค้าให้ช่วยผลิตสินค้าชนิดดังกล่าวเพิ่มขึ้นและในราคาที่ถูกลง
เพื่อกระจายสินค้าที่ประชาชนมีความต้องการสูงลงไปยังร้านธงฟ้าประชารัฐให้เพียงพอมากขึ้น
และเตรียมที่จะขยายร้านธงฟ้าประชารัฐจากขณะนี้กว่า 20,000 แห่งเพิ่มขึ้นอีก 20,000
แห่งเพื่อเพิ่มร้านธงฟ้าประชารัฐในเขตพื้นที่ทั่วประเทศได้ต่อไป
ส่วนการแก้ไขปริมาณน้ำมันปาล์มในระบบยังมีอยู่จำนวนมากนั้น
ได้ฝากให้กระทรวงพาณิชย์ไปดูว่าจะลดปริมาณน้ำมันปาล์มได้อย่างไร
ซึ่งทางกรมการค้าภายในกำลังศึกษาดูปาล์มทั้งระบบ
โดยเฉพาะราคาผลปาล์มจะต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุนไม่เช่นนั้นเกษตรกรจะได้รับความเดือดร้อน
และเตรียมที่จะเร่งผลักดันให้มีการส่งออกปริมาณน้ำมันปาล์มไปตลาดต่างประเทศให้มากขึ้นเพื่อลดปริมาณน้ำมันปาล์มในประเทศให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมได้ต่อไป.-สำนักข่าวไทย