fbpx

กก.ปฎิรูปตำรวจส่งผลสรุปให้นายกฯ

วปอ. 28 มี.ค.- คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเตรียมส่งรายงานสรุปผลปฏิรูปต่อนายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้ หลังใช้เวลาพิจารณากว่า 9 เดือน กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ สรรหาจากฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก พนักงานสอบสวนต้องมีอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมหลักฐาน และมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้า เพิ่มค่าตอบแทนให้ตำรวจ และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรฐานงานนิติวิทยาศาสตร์   


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการฯ นัดสุดท้าย ว่า การทำงานของคณะกรรมการฯที่ผ่านมา ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายมาโดยตลอด เพื่อนำผลมาสู่สาธารณชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพิจารณาแบ่งกลุ่มงาน 3 กลุ่ม คือ อำนาจหน้าที่ การสืบสวนสอบสวน และงานบริหารงานบุคคล ที่เกี่ยวข้องการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งได้ส่งผลงานไปตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องหลักคือเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า  ในส่วนกลุ่มงานด้านภารกิจหน้าที่และอำนาจ กำหนดให้กระจายอำนาจแบบบูรณาการ ซึ่งเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงมีการกระจายอำนาจเรื่องของงบประมาณและการปรับโอนภารกิจให้เหมาะสม เช่น หากเป็นงานโดยตรงของหน่วยงานนั้น ๆ ก็ให้หน่วยงานนั้นๆรับผิดชอบไป แต่หากเป็นความรับผิดชอบก่ำกึ่งระหว่างตำรวจและหน่วยงานนั้นๆ ก็จะให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ 


ประธานปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า ยังกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะไม่ใช่ตำรวจเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นฝ่ายพลเรือนที่ได้รับการสรรหามาอย่างเหมาะสม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำของตำรวจ และคณะกรรมการฯสามารถเสนอให้หน่วยงานลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ๆ ได้ ย้ำว่า จะเป็นคณะกรรมการฯ ที่มีความเป็นกลาง มีวุฒิภาวะและมีอำนาจ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้

จากนั้น นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนในคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวถึงผลสรุปเรื่องงานสืบสวนสอบสวนว่า การพิจารณาที่ผ่านมายึดตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายประกอบการพิจารณาอย่างละเอียด  โดยเรื่องสำคัญที่สุดคือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนซึ่งต้องแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานโดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาตลอดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน

ดังนั้น ในรายงานของคณะกรรมการฯ จึงกำหนดว่า ต้องมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้าในการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวน โดยปรับปรุงระบบการเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ให้อยู่ในสัดส่วนของตนเอง ไม่ต้องไปแย่งของพนักงานสอบสวนสายป้องกันและปราบปราม ซึ่งข้อดีคือ จะทำให้พนักงานสอบสวนมีความเป็นมืออาชีพ เพราะเติบโตในสายงานหลัก ไม่ย้ายงานไปมา หรือไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานได้ เชื่อมั่นว่า เมื่อใช้บังคับระบบใหม่แล้ว พนักงานสอบสวนน่าจะพอใจที่จะมีหลักประกันและมีความภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ 


นายธานิศ กล่าวว่า ต้องเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานระบบงานนิติวิทยาศาสตร์ให้ทัดเทียมนานาประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดมากมาย จึงไม่สามารถทำได้ทันทีได้ เนื่องจากสิ่งที่ตนได้รับการร้องขอมากที่สุดคือ การเก็บวัตถุพยานและการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเจตนาหรือโดยไม่เจตนาหรือไม่ เพราะอาจทำให้วัตถุพยานที่เก็บได้เกิดความผิดพลาด นำไปสู่ความไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ในคดีสำคัญใหญ่ ๆ ควรมีนักนิติวิทยาศาสตร์ร่วมไปสถานที่เกิดเหตุด้วย และพนักงานสอบสวนต้องได้รับการอบรมเรื่องการเก็บวัตถุพยาน มีระบบการลงชื่อเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนวัตถุพยาน สำหรับประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของตำรวจนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้พิจารณาด้วยอารมณ์และความรู้สึก แต่นำงานวิจัยมานำเสนอเพื่อเปรียบเทียบกับตำรวจทั่วโลก 

“เราคาดหวังอะไรจากตำรวจมากมาย แต่เราให้เขาเพียงพอหรือไม่ ให้เขาเหมือนกับตำรวจสากลหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ผมไม่เคยมายุ่งเกี่ยว แต่เมื่อมาเป็นคณะกรรมการฯ จึงพบว่า ทำไมตำรวจต้องใช้เงินตัวเองเพื่อเติมน้ำมันเอง และทำไมตำรวจต้องซื้ออาวุธปืนเองในการปฏิบัติภารกิจ” นายธานิศ กล่าว

ด้านพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการรับฟังความคิดเห็น ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ก่อนจะมีการแก้กฎหมาย คณะอนุกรรมการฯได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แล้วนำมาสรุปประมวลผลเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อให้คณะกรรมการฯ รับทราบความต้องการการปฏิรูปตำรวจของประชาชน เตรียมนำกฎหมาย 4 ฉบับเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ แก้ไขเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายและค่าตอบแทน ต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ 28 ฉบับ รวมทั้ง กฎหมาย ป.วิอาญา ที่ให้พนักงานสอบสวนใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจดีเอ็นเอ คณะกรรมการฯ ได้ทำรายงานผล 700 หน้าเสนอต่อสาธารชนด้วย

นายศุภชัย ยาวะประภาษ คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า คณะกรรมการฯมีข้อเสนอว่า ให้ยกระดับกองบังคับการสำนักงานยุทธศาสตร์ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกองบัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้น หลายเรื่องที่คิดกันมาจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้มีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบเรื่องการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ หรือ CPO ขณะที่บางเรื่องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก็ต้องรับไปขับเคลื่อนต่อด้วยเช่นกัน 

พลเอกบุญสร้าง กล่าวว่า การสร้างชาติต้องใช้เวลา การวาดตำรวจใหม่จากแผ่นกระดาษเปล่าง่ายกว่าการวาดรูปบนกระดาษที่ไม่ใช่กระดาษเปล่า ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาเพื่อจัดระบบให้เอื้ออำนายให้มากที่สุด 

“กว่าจะทำกันมาก็ 9 เดือน เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วคณะรัฐมนตรีจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี แล้วส่งไปยัง สนช. ดังนั้น ก็คงจะอีกหลายเดือนก่อนกฎหมายจะออก และเมื่อกฎหมายออกไปแล้ว ก็จะต้องมีอนุบัญญัติ กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติ อาจจะหลายเดือน เป็นปี หรือปีกว่า ๆ หลังจากเข้าสู่ระบบการปฏิบัติแล้ว จะปฏิบัติได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพขององค์กรนั้น ๆ และก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของบุคลาการที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ ถึงแม้จะใช้เวลาหน่อยแต่จะดีขึ้นทุกปี เรามีความหวังและเราจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนเรือที่วิ่งใกล้เข้าสู่จุดหมายทุกที จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับหลายอย่าง รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่จะเอื้อข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ ประชาชนก็ต้องพยายามทำตามกฎหมาย เป็นตำรวจอยู่ในตัวเองด้วย จะไกลแค่ไหนอยู่ที่เราจะก้าวเร็วหรือก้าวช้า” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.บุญสร้างได้ลงนามในผลรายงานสรุปการปฏิรูปตำรวจเสนอให้นายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) แล้ว.- สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ระทึก! สารแอมโมเนียจากโรงน้ำแข็งรั่ว บาดเจ็บนับร้อย

ระทึกกลางดึก สารแอมโมเนียรั่วในโรงน้ำแข็ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ชาวบ้านสูดดม ได้รับผลกระทบกว่า 100 คน ต้องกระจายส่งตาม รพ. ต่างๆ

จับแล้ว! ชายอินเดียฆ่าปาดคอหญิงวัย 51 ปี

เกิดเหตุฆ่าปาดคอหญิงอายุ 51 ปี ในโรงแรมท้องที่ สน.ตลาดพลู ผู้ต้องสงสัยเป็นชายชาวอินเดียที่อยู่ด้วยกันในโรงแรม กว่า 1 สัปดาห์ ก่อนหายตัวไปหลังเกิดเหตุ ล่าสุดตามจับได้แล้ว สารภาพอ้างแค้นผู้ตายไม่คืนเงิน

วัยรุ่นเชียงใหม่ ตะลุมบอนงานไม้ค้ำ จ.เชียงใหม่

กลุ่มวัยรุ่นตะลุมบอนชกต่อยกันในงานแห่ไม้ค้ำโพธิ์ จ.เชียงใหม่ ขณะที่ผู้จัดงานติดป้ายเตือนทะเลาะวิวาทในงาน จับได้ปรับ 75,000 มอบให้คนถ่ายคลิป 5,000

ล่า “จัก เขาบายศรี” ถ้าต่อสู้อาจจำเป็นต้องวิสามัญ

ตำรวจปิดล้อมตรวจค้นหลายจุดทั่วเมืองชลบุรี ล่าตัว “จัก เขาบายศรี” มือกราดยิงวันไหล ย่านบ่อนไก่ จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต หากเจอตัวแล้วยิงต่อสู้ อาจจำเป็นต้องวิสามัญ วอนญาติรีบประสานพามามอบตัว

ข่าวแนะนำ

ศาลสั่งจำคุกลูกชาย รมช.เมาแล้วขับ 2 เดือน ปรับ 4 พันบาท

ศาลสั่งจำคุก 2 เดือน ปรับ 4,000 บาท ลูกชายรัฐมนตรีช่วย เมาขับฝ่าด่านตรวจ โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมพักใบอนุญาตขับขี่ 6 เดือน

ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต

จ.ภูเก็ต 19 เม.ย.-นายกฯ ติดตามโครงการทางแยกต่างระดับ แยกท่าเรือ จ.ภูเก็ต พร้อมสำรวจการจราจร วงเวียนอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร