กก.ปฎิรูปตำรวจส่งผลสรุปให้นายกฯ

วปอ. 28 มี.ค.- คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจเตรียมส่งรายงานสรุปผลปฏิรูปต่อนายกรัฐมนตรี พรุ่งนี้ หลังใช้เวลาพิจารณากว่า 9 เดือน กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ สรรหาจากฝ่ายพลเรือนเป็นหลัก พนักงานสอบสวนต้องมีอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมหลักฐาน และมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้า เพิ่มค่าตอบแทนให้ตำรวจ และเพิ่มประสิทธิภาพมาตรฐานงานนิติวิทยาศาสตร์   


พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) แถลงผลการประชุมคณะกรรมการฯ นัดสุดท้าย ว่า การทำงานของคณะกรรมการฯที่ผ่านมา ได้รับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายมาโดยตลอด เพื่อนำผลมาสู่สาธารณชนอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น การพิจารณาแบ่งกลุ่มงาน 3 กลุ่ม คือ อำนาจหน้าที่ การสืบสวนสอบสวน และงานบริหารงานบุคคล ที่เกี่ยวข้องการแต่งตั้งโยกย้าย  ซึ่งได้ส่งผลงานไปตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องหลักคือเรื่องการแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  

พล.อ.บุญสร้าง กล่าวว่า  ในส่วนกลุ่มงานด้านภารกิจหน้าที่และอำนาจ กำหนดให้กระจายอำนาจแบบบูรณาการ ซึ่งเชื่อมโยงกับการแต่งตั้งโยกย้าย รวมถึงมีการกระจายอำนาจเรื่องของงบประมาณและการปรับโอนภารกิจให้เหมาะสม เช่น หากเป็นงานโดยตรงของหน่วยงานนั้น ๆ ก็ให้หน่วยงานนั้นๆรับผิดชอบไป แต่หากเป็นความรับผิดชอบก่ำกึ่งระหว่างตำรวจและหน่วยงานนั้นๆ ก็จะให้ตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ 


ประธานปฏิรูปตำรวจ กล่าวว่า ยังกำหนดให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระรับเรื่องร้องเรียนตำรวจ โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะไม่ใช่ตำรวจเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นฝ่ายพลเรือนที่ได้รับการสรรหามาอย่างเหมาะสม เพื่อรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในเรื่องที่เกี่ยวกับการกระทำของตำรวจ และคณะกรรมการฯสามารถเสนอให้หน่วยงานลงโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ๆ ได้ ย้ำว่า จะเป็นคณะกรรมการฯ ที่มีความเป็นกลาง มีวุฒิภาวะและมีอำนาจ เป็นที่พึ่งให้กับประชาชนได้

จากนั้น นายธานิศ เกศวพิทักษ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการบังคับใช้กฎหมายและระบบการสอบสวนในคดีอาญา ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวถึงผลสรุปเรื่องงานสืบสวนสอบสวนว่า การพิจารณาที่ผ่านมายึดตามรัฐธรรมนูญเป็นหลัก และรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายประกอบการพิจารณาอย่างละเอียด  โดยเรื่องสำคัญที่สุดคือ เรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวนซึ่งต้องแก้ปัญหาว่าจะทำอย่างไรให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจอิสระในการทำหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานโดยไม่อยู่ภายใต้อาณัติของบุคคลใด เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนมาตลอดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน

ดังนั้น ในรายงานของคณะกรรมการฯ จึงกำหนดว่า ต้องมีหลักประกันในความเจริญก้าวหน้าในการทำหน้าที่ของพนักงานสอบสวน โดยปรับปรุงระบบการเลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ให้อยู่ในสัดส่วนของตนเอง ไม่ต้องไปแย่งของพนักงานสอบสวนสายป้องกันและปราบปราม ซึ่งข้อดีคือ จะทำให้พนักงานสอบสวนมีความเป็นมืออาชีพ เพราะเติบโตในสายงานหลัก ไม่ย้ายงานไปมา หรือไม่มีใครมาแทรกแซงการทำงานได้ เชื่อมั่นว่า เมื่อใช้บังคับระบบใหม่แล้ว พนักงานสอบสวนน่าจะพอใจที่จะมีหลักประกันและมีความภาคภูมิใจในการทำหน้าที่ 


นายธานิศ กล่าวว่า ต้องเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานระบบงานนิติวิทยาศาสตร์ให้ทัดเทียมนานาประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดมากมาย จึงไม่สามารถทำได้ทันทีได้ เนื่องจากสิ่งที่ตนได้รับการร้องขอมากที่สุดคือ การเก็บวัตถุพยานและการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานสอบสวนที่ไปตรวจสถานที่เกิดเหตุจะบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยเจตนาหรือโดยไม่เจตนาหรือไม่ เพราะอาจทำให้วัตถุพยานที่เก็บได้เกิดความผิดพลาด นำไปสู่ความไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ในคดีสำคัญใหญ่ ๆ ควรมีนักนิติวิทยาศาสตร์ร่วมไปสถานที่เกิดเหตุด้วย และพนักงานสอบสวนต้องได้รับการอบรมเรื่องการเก็บวัตถุพยาน มีระบบการลงชื่อเพื่อป้องกันการสับเปลี่ยนวัตถุพยาน สำหรับประเด็นเรื่องค่าตอบแทนของตำรวจนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้พิจารณาด้วยอารมณ์และความรู้สึก แต่นำงานวิจัยมานำเสนอเพื่อเปรียบเทียบกับตำรวจทั่วโลก 

“เราคาดหวังอะไรจากตำรวจมากมาย แต่เราให้เขาเพียงพอหรือไม่ ให้เขาเหมือนกับตำรวจสากลหรือไม่ ก่อนหน้านี้ ที่ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษา ผมไม่เคยมายุ่งเกี่ยว แต่เมื่อมาเป็นคณะกรรมการฯ จึงพบว่า ทำไมตำรวจต้องใช้เงินตัวเองเพื่อเติมน้ำมันเอง และทำไมตำรวจต้องซื้ออาวุธปืนเองในการปฏิบัติภารกิจ” นายธานิศ กล่าว

ด้านพล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการด้านการรับฟังความคิดเห็น ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ก่อนจะมีการแก้กฎหมาย คณะอนุกรรมการฯได้ดำเนินการรับฟังความคิดเห็นทุกภูมิภาคทั่วประเทศ แล้วนำมาสรุปประมวลผลเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อให้คณะกรรมการฯ รับทราบความต้องการการปฏิรูปตำรวจของประชาชน เตรียมนำกฎหมาย 4 ฉบับเสนอต่อคณะรัฐมนตรี ทั้งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ แก้ไขเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายและค่าตอบแทน ต้องพิจารณาให้เสร็จสิ้นภายในสิ้นปีนี้ และพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับอำนาจหน้าที่และภารกิจของตำรวจ 28 ฉบับ รวมทั้ง กฎหมาย ป.วิอาญา ที่ให้พนักงานสอบสวนใช้นิติวิทยาศาสตร์ในการตรวจดีเอ็นเอ คณะกรรมการฯ ได้ทำรายงานผล 700 หน้าเสนอต่อสาธารชนด้วย

นายศุภชัย ยาวะประภาษ คณะอนุกรรมการด้านวิชาการ ในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า คณะกรรมการฯมีข้อเสนอว่า ให้ยกระดับกองบังคับการสำนักงานยุทธศาสตร์ ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นกองบัญชาการสำนักงานยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้น หลายเรื่องที่คิดกันมาจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ พร้อมกันนี้ ยังเสนอให้มีการแต่งตั้งผู้รับผิดชอบเรื่องการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ หรือ CPO ขณะที่บางเรื่องสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)ก็ต้องรับไปขับเคลื่อนต่อด้วยเช่นกัน 

พลเอกบุญสร้าง กล่าวว่า การสร้างชาติต้องใช้เวลา การวาดตำรวจใหม่จากแผ่นกระดาษเปล่าง่ายกว่าการวาดรูปบนกระดาษที่ไม่ใช่กระดาษเปล่า ดังนั้น จึงต้องใช้เวลาเพื่อจัดระบบให้เอื้ออำนายให้มากที่สุด 

“กว่าจะทำกันมาก็ 9 เดือน เพื่อส่งให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา แล้วคณะรัฐมนตรีจะส่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกา ก่อนส่งกลับมายังคณะรัฐมนตรี แล้วส่งไปยัง สนช. ดังนั้น ก็คงจะอีกหลายเดือนก่อนกฎหมายจะออก และเมื่อกฎหมายออกไปแล้ว ก็จะต้องมีอนุบัญญัติ กฎระเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าหน่วยงานต่าง ๆ จะนำไปสู่การปฏิบัติ อาจจะหลายเดือน เป็นปี หรือปีกว่า ๆ หลังจากเข้าสู่ระบบการปฏิบัติแล้ว จะปฏิบัติได้ดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพขององค์กรนั้น ๆ และก็ขึ้นอยู่กับลักษณะนิสัยของบุคลาการที่พร้อมจะปรับเปลี่ยนหรือไม่ ถึงแม้จะใช้เวลาหน่อยแต่จะดีขึ้นทุกปี เรามีความหวังและเราจะรู้สึกดีขึ้น เหมือนเรือที่วิ่งใกล้เข้าสู่จุดหมายทุกที จะเร็วจะช้าขึ้นอยู่กับหลายอย่าง รวมทั้งสื่อมวลชนและประชาชนที่จะเอื้อข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิรูปตำรวจ ประชาชนก็ต้องพยายามทำตามกฎหมาย เป็นตำรวจอยู่ในตัวเองด้วย จะไกลแค่ไหนอยู่ที่เราจะก้าวเร็วหรือก้าวช้า” พล.อ.บุญสร้าง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าพล.อ.บุญสร้างได้ลงนามในผลรายงานสรุปการปฏิรูปตำรวจเสนอให้นายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (29 มี.ค.) แล้ว.- สำนักข่าวไทย     

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผู้ว่าฯ สงขลา จัดคิวนายอำเภอรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ทุกสัปดาห์

กทม. 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ทำหนังสือด่วน จัดคิวนายอำเภอ เวียนต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” สนามบินหาดใหญ่ ทุกสัปดาห์ นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ทำหนังสือด่วนที่สุด ที่ สข 0017.3/17839 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์อำนวยความสะดวก นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เรียน นายอำเภอเมืองสงขลา ด้วยจังหวัดสงขลาได้รับแจ้งว่า นายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีกำหนดเดินทางมาราชการในพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อตรวจราชการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล และมีกำหนดเดินทางกลับไปปฏิบัติราชการ ณ กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 3103 เวลา 08.25-09.50 น. เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จังหวัดสงขลาจึงขอให้ท่านดำเนินการ ดังนี้ 1. เชิญนายอำเภอเมืองสงขลา ร่วมส่งนายเดชอิศม์ ขาวทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องรับรอง ท่าอากาศยานหาดใหญ่ […]

ดราม่า “ไข่เจียวปู 4,000” ถึงหูพาณิชย์

กรุงเทพฯ​ 18 ส.ค.​-“จตุพร” สั่งกรมการค้าภายในตรวจสอบประเด็น​ดราม่า​ “ไข่​เจียวปู” ร้าน​ Michelin Guide สูงถึง​จานละ 4,000 บาท​ จาก​ที่​แจ้งราคาในเมนู​ 1,500​ บาท ย้ำ​ไม่ตรงปกไม่ได้ กรณี “พีชชี่” ยูทูบเบอร์ชื่อดัง โพสต์เล่าประสบการณ์สั่งไข่เจียวปูร้านดังราคาเมนู 1,500 บาท แต่ถูกเก็บจริง 4,000 บาท กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออนไลน์ ล่าสุด นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า จะมอบหมายให้กรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะนี้​ยังไม่ได้รับรายละเอียด​ แต่โดยหลักการแล้ว ราคาที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคต้องตรงกับราคาที่ระบุในเมนู หาก “ไม่ตรงปก” จะบั่นทอนความเชื่อมั่นทางการค้า “การค้าขายจะยั่งยืนได้ต้องอาศัยความไว้เนื้อเชื่อใจ หากผู้บริโภครู้สึกว่า​ ราคาไม่ตรงกับที่เห็นในเมนู ย่อมเสียความรู้สึก” นายจตุพรกล่าว เรื่องนี้เริ่มจาก “พีชชี่” โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 15 ส.ค. ระบุว่าไปทานไข่เจียวปู ซึ่งเป็นร้านอาหารไทยเพียงไม่กี่แห่งที่ได้รับการบรรจุใน Michelin Guide โดยเมนูระบุราคา 1,500 […]

“บิ๊กต่าย” ถกบอร์ดกลั่นกรอง เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร.

กรุงเทพฯ 17 ส.ค. – ผบ.ตร. นั่งหัวโต๊ะประชุมกลั่นกรองแต่งตั้งนายพลสีกากี เลื่อน “สำราญ-อิทธิพล” ขึ้นรอง ผบ.ตร. ที่ห้องประชุม 2 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับ ตร. หรือ “บอร์ดกลั่นกรอง” พิจารณาแต่งตั้งข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบ.ตร.-ผบก. โดยมี พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.นิรันดร เหลื่อมศรี รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จตช. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผบช.สกพ. และเลขานุการ เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ […]

เสียงเรียกแห่งความอร่อย…ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วโบราณเชียงใหม่

เชียงใหม่ 17 ส.ค. – โดดเด่นไม่เหมือนใคร “ก๋วยเตี๋ยวแต้จิ๋วสูตรโบราณ” ของอาแปะตี๋อ้วน ที่แต่งกายแบบล้านนาโบราณ เดินหาบขายตามตลาดและย่านชุมชนใน จ.เชียงใหม่ มานานกว่า 10 ปีแล้ว โดยใช้การตีกังสดาล หรือระฆังวงเดือน เรียกลูกค้า สะดุดตาผู้พบเห็น หลายคนติดใจในรสชาติและราคาที่ย่อมเยา จนมีลูกค้ามากมาย .-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ

18 ส.ค. – ปมร้อน “หลวงพ่ออลงกต” ขอลาออกจากเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เปิดทางให้ตรวจสอบวัด ล่าสุด “หลวงพ่ออลงกต” ยืนยันยังไม่ลาออก ขอเวลาจัดการทุกเรื่อง คาด 1 เดือนชัดเจน วันนี้ (18 ส.ค.) มีกระแสข่าวว่า “พระราชวิสุทธิประชานาถ” หรือ “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อรับผิดชอบต่อสถานการณ์และเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบดำเนินไปอย่างโปร่งใส ขณะที่ นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยกับทีมข่าวสำนักข่าวไทยว่า สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ กำลังติดตามข่าวดังกล่าว แต่ยังไม่ได้รับหนังสือขอลาออกอย่างเป็นทางการ คาดว่าจะเกิดความชัดเจนในวันพรุ่งนี้ (19 ส.ค.) ส่วนเหตุผลที่หลวงพ่ออลงกตลาออก คาดว่าเปิดทางให้กระบวนการตรวจสอบเดินหน้าได้ พศ.แจ้งวัดหักลดหย่อนเงินบริจาคต้องผ่านระบบ e-Donation ผอ.พศ. ยังกล่าวถึงกรณีอธิบดีกรมสรรพากรทำหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา แจ้งว่ากำหนดให้การบริจาคให้แก่วัด มูลนิธิ สมาคม กองทุน และองค์การต่างๆ ซึ่งผู้บริจาคได้รับสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาค ต้องใช้ระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากรเท่านั้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 […]

“ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย ลั่นไม่เคยพูดยุบ ศบ.ทก.

ทำเนียบ 18 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ​เผยเจรจาเขตแดนไม่จบง่าย​ ต้องรอผลประชุม​ RBC​-GBC มอบตำรวจภูธร​ภาค​ 3 รับเรื่องร้องทุกข์​ประชาชน-​ราชการ​ ส่งอัยการสั่งฟ้องแพ่ง​-อาญา​ “กัมพูชา” ส่วนฟ้อง “ฮุนเซน​” หรือ​ “ฮุน​ มาเนต​” ให้เป็นไปตามข้อกฎหมาย​ ไม่ตอบจัดการเครือข่ายนักการเมืองในไทย​ ชี้​หากทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเปิดเผย​ ลั่น​ไม่เคยพูดสักคำ​ ยุบ ศบ.ทก. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ว่า ขณะนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนไทยกัมพูชายังต้องเฝ้าระวัง จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด ส่วนเรื่องการเจรจาเขตแดนทั้งหลายยังไม่จบง่ายๆ และยังรอการประชุม ตามกรอบต่างๆ ซึ่งการประชุม RBC จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 25-27 สิงหาคมนี้ ขณะที่วันที่ 8-10 กันยายนจะเป็นการประชุม GBC ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ทั้งนี้ได้สั่งการให้หน่วยราชการติดตามข่าวสาร และประสานงานกันอย่างมีเอกภาพ โดยเฉพาะในเรื่องข่าวสารที่สร้างความสับสนและความเข้าใจผิดให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมยอมรับว่าขณะนี้มีกระบวนการไอโอ จึงขอช่วยกัน อย่าตกเป็นเหยื่อของเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่ารัฐบาลยึดผลประโยชน์ประเทศชาติอธิปไตยของประเทศทรัพย์สินและชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นที่ตั้ง จึงขอความร่วมมือจากทุกฝ่าย ขณะเดียวกันที่ประชุม สมช.ยังมีการพิจารณาเรื่องการดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีกัมพูชาใช้กำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการคุกคามอธิปไตยของไทย […]

ทบ.แจงบ้านหนองจานอยู่ในเขตไทย เดิมเป็นที่ลี้ภัยชาวเขมร

กองทัพบก 18 ส.ค.- ทบ. แจงพื้นที่บ้านหนองจาน อยู่ในเขตประเทศไทย เดิมเคยเป็นที่ช่วยเหลือชาวกัมพูชาลี้ภัยจากการสู้รบชั่วคราว ภายหลังพบมีการขยายชุมชน ละเมิด MOU43 แม้ฝ่ายไทยมีการประท้วงอย่างต่อเนื่อง จากกรณีที่มีชาวกัมพูชาได้ออกมาร้องเรียนเรื่องการวางรั้วลวดหนามของทหารไทยบริเวณบ้านหนองจาน จ.สระแก้ว โดยกล่าวอ้างว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นดินแดนของตนนั้น พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่าแท้จริงแล้วพื้นที่ดังกล่าวเป็นอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งอยู่บริเวณบ.หนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว รอยต่อแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างหลักเขตแดนที่ 46 และ 47 นอกจากนี้ยังพบว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงในพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยการสนับสนุนให้ราษฎรมาสร้างถิ่นฐานอย่างถาวร ทั้งในบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ และนอกบริเวณพื้นที่อ้างสิทธิ์ในฝั่งประเทศไทย ซึ่งกองทัพบก โดยกองกำลังบูรพา ได้ดำเนินการประท้วงร้องเรียนฝ่ายกัมพูชาในเวทีต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ทั้งระดับหน่วยทหารในพื้นที่ และผ่านกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน แต่ฝ่ายกัมพูชากลับนิ่งเฉย ไม่มีการชี้แจงในรายละเอียด หรือแก้ไขใดๆ จึงยืนยันได้ว่าฝ่ายไทยได้ใช้การแก้ปัญหาโดยสันติวิธีมาตลอด โฆษกกองทัพบก กล่าวต่อว่าสำหรับปัญหา ณ ปัจจุบัน ฝ่ายกัมพูชา มีเจตนาอันไม่บริสุทธิ์ พยายามจะใช้ประชาชนให้เป็นผู้ออกหน้าในการรุกล้ำพื้นที่อธิปไตยประเทศไทยในบริเวณดังกล่าว ทั้งนี้ อาจเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับฝ่ายทหารโดยตรง ทำให้เข้าใจได้ว่า […]

ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งรับ มท.3

สงขลา 18 ส.ค.-ผู้ว่าฯ สงขลา ยืนยันไม่ได้ออกคำสั่งให้นายอำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง “เดชอิศม์” ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป นายโชตินรินทร์ เกิดสม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ออกมากล่าวถึงเรื่องที่มีหนังสือคำสั่งทางราชการให้นายอำเภอของจังหวัดสงขลาทั้ง 16 อำเภอจัดเวรต้อนรับ-ส่ง และจัดห้อง VIP พร้อมอาหารว่าง ต้อนรับ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทย นายเดชอิศม์ ขาวทอง ซึ่งรายละเอียดในหนังสือกล่าวว่าให้นายอำเภอเมืองสงขลาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม 2568 คือในวันนี้ ว่าไม่เป็นความจริง ตนไม่ได้ออกหนังสือฉบับนี้ เพราะหนังสือที่ตนลงนามฉบับสุดท้ายในวันนั้นคืองานประชุม ส่วนความจริงตอนนี้มอบหมายให้รองผู้ว่าราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว แต่ให้ข้อคิดว่าหนังสือที่จะขอใช้พื้นที่หน่วยงานจากท่าอากาศยาน ก็ต้องเป็นลายเซ็นของผู้ว่าราชการเท่านั้น ส่วนมีใครคิดจะปลอมแปลงหรือทางหนังสือปลอมขึ้นมาก็ต้องตรวจสอบกันต่อไป แต่จะให้ได้ความจริงให้เร็วที่สุด เมื่อมีการสอบถามเรื่องความขัดแย้งของจังหวัดสงขลาราชการจังหวัดสงขลากล่าวว่าท่านไม่น่าจะมีความขัดแย้งกับใคร เพราะไม่เคยทำงานในพื้นที่มาก่อน เพิ่งมารับตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในครั้งแรก ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ยังกล่าวอีกว่า วันและเวลาดังกล่าวที่มีการออกหนังสือ ตนก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ ไปธุระส่วนตัวงานแต่งงานของญาติที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่จะให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหาความจริงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเพราะถือว่าเป็นการทำผิดอย่างมาก.-สำนักข่าวไทย