กรุงเทพฯ 22 มี.ค.- ครูปรีชา -เจ๊บ้าบิ่น ร้องขอพนักงานสอบสวนกองปราบสอบพยานเพิ่ม ขณะที่รองผู้การกองปราบปรามไม่หวั่น หากดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ คาดสรุปสำนวนส่งอัยการภายในเดือนนี้
นายปรีชา ใคร่ครวญ และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น ผู้ต้องหาในคดี ล็อตเตอรี่มูลค่า 30 ล้านบาท เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ เพื่อขอให้สอบปากคำเพิ่มเติมและขอสำเนาบันทึกการจับกุม
ภายหลังยื่นคำร้องครูปรีชา เปิดเผยว่าวันนี้มาขอหลักฐานบันทึกการจับกุม รวมทั้งจะให้ทนายยื่นหนังสือขอคัดสำนวนคดีเพื่อนำไปให้กระทรวงยุติธรรม ยอมรับรู้สึกสบายใจมากขึ้น หลังจากเดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือเป็นการกระทำตามสิทธิที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ และขอขอบคุณคนไทยทุกคนที่ติดตามคดี
ส่วนการแจ้งความเท็จที่ตนตกเป็นผู้ต้องหานั้น ก็ยังถือว่าตนยังเป็นผู้บริสุทธิ จนกว่าศาลจะตัดสินและมองว่าสื่อมวลชนบอกว่าตนแจ้งความเท็จได้อย่างไร ในเมื่อศาลแพ่งที่ตนเป็นโจทก์ฟ้องร้องอีกฝ่ายยังไม่ได้มีการชี้ชัดว่าล็อตเตอรี่เป็นของใคร พร้อม ปฏิเสธว่าไม่เคยบอกว่าถูกเจ้าหน้าที่กองปราบปรามบังคับให้รับสารภาพ บอกเพียงว่าเคยถูกโน้มน้าวชักจูงใจให้รับสารภาพเท่านั้น
โดยหลังจากยื่นเรื่องที่กองปราบปรามแล้วจะเดินทางไปเยี่ยมนางสาวกนกพรรณ หมวกไสว หรือ ฟ้า ที่ถูกดำเนินคดีตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพราะรู้สึกเป็นห่วงและไม่กลัวว่านางสาวกนกพรรณจะให้การกับเจ้าหน้าที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.)เกี่ยวกับคดีของตนเอง
ขณะที่ พ.ต.อ.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บังคับการกองปราบปราม กล่าวว่า ครูปรีชาและทนายมาขอให้ตำรวจสอบปากคำพยานเพิ่มเติมอีก 2 ปาก เป็นพยานที่เคยสอบไปแล้ว 1 ราย และเป็นพยานใหม่ที่ยังไม่้เคยสอบปากคำอีก 1 ราย ซึ่งประเด็นที่ร้องขอให้สอบเพิ่มนั้น ก็เคยสอบปากคำไปแล้ว แต่เมื่อร้องขอมาตำรวจก็ยินดี พร้อมให้ความเป็นธรรมกับฝ่ายผู้ต้องหา ซึ่งสำนวนคดีทั้งหมดคาดว่า จะสรุปสำนวนส่งพนักงานอัยการพิจารณาภายในเดือนมีนาคมนี้
ส่วนกรณีที่ครูปรีชาและเจ๊บ้าบิ่นได้ร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆในวันนี้นั้น สามารถทำได้ตามสิทธิ หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่ยืนยันว่าทางตำรวจไม่เคยข่มขู่ โน้มน้าวหรืิิอบังคับให้ใครรับสารภาพแน่นอน โดยในส่วนนี้จะต้องมีการดำเนินคดีหรือไม่นั้น ขอตรวจสอบการให้สัมภาษณ์ของนายปรีชาก่อน ว่ามีถ้อยคำใดที่เข้าข่ายลักษณะหมิ่นประมาทหรือไม่
ส่วนทางกระทรวงยุติธรรมหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอจะรับคดีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษหรือไม่ ก็เป็นดุลยพินิจของหน่วยงาน แต่คงไม่กระทบกับตัวสำนวนที่ทำอยู่ และหากผลออกมาว่าทางดีเอสไอรับคดี ทางกองปราบก็จะส่งสำนวนทั้งหมดให้ดีเอสไอไปดำเนินการต่อ.-สำนักข่าวไทย