กลุ่มยานยนต์กังวลเวียดนามกีดกันการค้า

กรุงเทพฯ  21 มี.ค. – กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท.ระบุ มิ.ย.นี้จะทราบว่ามาตรการกีดกันการนำเข้ารถยนต์จากไทยของเวียดนามกระทบส่งออกรถหรือไม่ หากกระทบก็ไม่เกินร้อยละ 4 หรือประมาณ 40,000 คันต่อปีของการส่งออกรวมปีละ 1.1  ล้านคัน


นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คนใหม่ กล่าวว่า จากการที่เวียดนามใช้มาตรการที่ไม่ใช่ภาษีกีดกันการนำเข้ารถยนต์จากไทยที่ส่งไปขายในเวียดนาม โดยเรียกตรวจรถทุกชิปเมนต์ ๆ ละ 1 คัน จากเดิมตรวจรุ่นละ 1 คัน ไม่จำเป็นต้องตรวจอีกในการนำเข้ารถชิ้ปเมนต์ครั้งต่อไปอีกนั้น ส่งผลให้ผู้ส่งออกรถยนต์ไทยหยุดส่งไปเวียดนาม แต่ทางการเวียดนาม ขอให้ผู้ผลิตรถยนต์ไทยทดลองส่งไปเวียดนามอีกครั้ง ซึ่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ผู้ผลิตไทยส่งรถยนต์ไปแล้ว 2,000 คัน ซึ่งต้องผ่านกระบวนการตรวจรับรองมาตรฐานทุก ๆ ชิปเม้น ซึ่งการดำเนินการของทางการเวียดนามลักษณะนี้เป็นปัญหาต่อการส่งออกรถยนต์ของไทย แม้ไม่กระทบส่งออกขณะนี้ แต่ระยะต่อไป หากเวียดนามไม่ยอมรับรถยนต์ที่ส่งจากไทยก็อาจกระทบการส่งออกรถยนต์ของไทยคิดเป็นร้อยละ 4 หรือประมาณ 40,000 คันต่อปี  โดยจะทราบผลกระทบในเดือนมิถุนายนนี้ ซึ่งผลกระทบจะไม่เกินร้อยละ 4 ของการส่งออกรถยนต์ในภาพรวมทั้งหมดที่แต่ละปีส่งออกรวม 1 ล้านคัน

นายครรชิต ยังกล่าวถึงการเข้ามาใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้า ว่า เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันและรักษาฐานการเป็นฐานผลิตยานยนต์ของไทย ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องปรับตัวพร้อมรับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเข้ามาในอนาคต ซึ่งคาดว่าช่วงเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาประมาณ  5-10 ปี จากรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในจะปรับไปสู่ยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งช่วงนี้ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดจะต้องปรับตัวรองรับแนวโน้มการใช้รถยนต์ไฟฟ้า  ขณะเดียวกันต้องสร้างบุคลากรรุ่นใหม่ที่พร้อมกับการเข้ามาของเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าด้วย 


นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รักษาการรองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ส.อ.ท. กล่าวว่า ยอดส่งออกรถยนต์ของไทยปีนี้ตั้งเป้าหมายว่าจะมียอดส่งออกรวม 1.1 ล้านคัน ยอดผลิต 2 ล้านคัน  ยอดส่งออกปีที่ผ่านมามากกว่าอยู่ที่ 1.13 ล้านคัน สาเหตุที่ปรับเป้าส่งออกลดลง เพราะเวียดนามกีดกันทางการค้า ซึ่งขณะนี้มาตรการกีดกันทางการค้าของเวียดนามถูกใช้มาแล้ว  2 เดือนในปีนี้ และขณะนี้บางยี่ห้อเริ่มส่งรถยนต์ไปขายที่เวียดนามอีกครั้ง และรอหน่วยงานตรวจมาตรฐานของเวียดนามก่อนว่ารถที่ส่งไปผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมที่เวียดนามกำหนดขึ้นมาหรือไม่ และการส่งออกยังหวังว่าจะดีขึ้น แต่ต้องรอตลาดรถยนต์ในประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางที่ยอดส่งออกรถปิ๊กอัพปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา หลังประเทศผู้ส่งออกน้ำมันปรับราคาเพิ่มขึ้นและขณะนี้บางประเทศให้สตรีขับรถได้. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย