บอร์ด กอปศ.เห็นชอบห้ามสอบคัดเลือกเด็ก ป.1

ถนนสุโขทัย 20 มี.ค.-บอร์ด กอปศ.ยึดหลักการร่าง พ.ร.บ.ปฐมวัย พ.ศ….ห้ามสอบคัดเลือกเด็กป.1 หลังเกิดปัญหาติวเตอร์เเห่เปิดสอนคอร์สเข้าป.1 โรงเรียนดัง  ย้ำเด็กต้องได้รับการดูเเลเเละพัฒนาตามวัยเเละตามความต้องการ


น.ส.ดารณี อุทัยรัตนกิจ รองประธานคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษาครั้งที่ 12/2561 ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติการปฐมวัยแห่งชาติ พ.ศ….ซึ่งร่างพระราชบัญญัติครั้งนี้มีสาระสำคัญต่างจากเดิมในหลายประเด็น อาทิ ช่วงอายุของเด็กปฐมวัยที่กำหนดให้ดูเเลตั้งเเต่ปฏิสนธิจนถึง 8 ปี ,การกำหนดคำนิยามใหม่ทั้งการดูเเล การพัฒนาเเละการจัดการเรียนรู้ ,การเชื่อมโยงการเรียนของเด็กชั้นอนุบาล1-3 เเละชั้นประถมศึกษาปีที่1-2, การบูรณาการการทำงานของ 4 กระทรวงหลักที่ร่วมกับขับเคลื่อนการทำงาน ได้เเก่ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมเเละความมั่นคงของมนุษย์เเละกระทรวงมหาดไทย 


ซึ่งที่ประชุมได้นำมาปรับเเก้  หลังลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นทั่วประเทศ โดยทุกภาคส่วนเห็นตรงกันว่า การลงทุนการศึกษาในช่วงปฐมวัย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเเละจำเป็น ให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีตามวัยเ เละตามความต้องการ ได้ซึมซับสุนทรียภาพเเละมีจิตสำนึกการเป็นพลเมืองที่ดี รัฐจึงต้องสนับสนุนส่งเสริม ซึ่งนอกจาก 4 กระทรวงเเล้ว องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น  รวมถึงภาคเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการดูเเลเเละพัฒนาเด็ก


น.ส.ดารณี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันสังคมมีการพูดถึงเเละกังวลที่มีการติวเตอร์เข้าศึกษาต่อชั้น ป.1 จึงมีมาตรา 31 ในร่างพระราชบัญญัติการปฐมวัย พ.ศ….กำหนดไว้ว่าเพื่อเป็นการปกป้องพัฒนาการของเด็กปฐมวัยห้ามมิให้สถานศึกษา ตามกฏหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติและโรงเรียนตามกฏหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนรับเด็กประถมวัยเข้าศึกษา  โดยใช้วิธีการสอบคัดเลือกหรือทดสอบสมรรถนะคุณลักษณะ ความรู้หรือความสามารถอื่นใดของเด็กปฐมวัย  รวมถึงการฝากเด็กปฐมวัยเข้าเรียนในสถานศึกษาด้วย 

เเต่อย่างไรก็ตามมีข้อเสนอว่าห้ามสอบ เว้นเเต่การสอบเป็นไปตามหลักเกณฑ์เเละเงื่อนไขที่สำนักนโยบายกำหนด เพราะตระหนักดีว่าการสอบเข้าป.1 เป็นช่วงรอยต่อระหว่างชั้นอนุบาลเเละชั้นประถม ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการยืดหยุ่นมาก เด็กต่างกัน หากมีการสอบคัดเด็กมีผลกระทบต่อการจัดการเรียนการสอนในชั้นอนุบาลเเทนที่เด็กจะได้มีเวลาเรียนรู้อย่างอื่น จึงควรจะปกป้องคุ้มครองเด็กในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างราบรื่น  รวมถึงต้องปรับทัศนคติของพ่อเเม่เเละคนในสังคม ที่ประชุมจึงยึดในหลักการว่าไม่มีการสอบคัดเลือก 

ส่วนจะเป็นการสอบสมรรถนะหรือด้านอื่นขึ้นอยู่กับเกณฑ์ตามที่สำนักนโยบายกำหนด ซึ่งยังต้องมีการปรับเเก้ในประเด็นดังกล่าวอยู่ยังไม่ได้ข้อสรุปชัดเจน โดยมีการเสนอให้นำคณะกรรมการนโยบายเด็กรวมกับคณะกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เเห่งชาติ เพื่อง่ายต่อการยกร่างพระราชบัญญัติหรือพิจารณากฎหมาย เเละการทำงานจะได้ไม่ทับซ้อนกัน 

ซึ่งข้อเสนอเเนะเเละประเด็นต่างๆคณะกรรมการต้องนำมาปรับเเก้ เเละจะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนเเละภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอีกครั้งก่อนจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้สรุปประเด็นรับฟังความคิดเห็นการประชุมเพื่อยกร่างพระราชบัญญัติการศึกษาเเห่งชาติฉบับใหม่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาใน 5 ประเด็นได้เเก่ 

แนวทางการจัดการศึกษาเพื่อการพัฒนาทักษะการดำรงชีวิต,

แนวทางการจัดการศึกษาตามอัธยาศัย อาศัยกลไกทุกภาคส่วน,

แนวทางการจัดการศึกษาทางเลือก,

แนวทางการวัดและประเมินผลการจัดการศึกษา

และแนวทางการสร้างความเข้มแข็งให้สถานศึกษา 

ซึ่งทุกภาคส่วนในด้านการศึกษาเพื่อการดำรงชีวิต การศึกษาตามอัธยาศัยเเละการศึกษาทางเลือก ต้องกำหนดคำนิยามหรือความต้องการ  รวมถึงหน่วยงานที่ดูเเลอย่างชัดเจน เพราะเดิมทีทำงานซ้ำซ้อน ซึ่งเมื่อมองเป้าหมายในการปฏิรูปการศึกษาครั้งนี้ การศึกษาเพื่อการดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขเเละตามความถนัดของผู้เรียน ไม่มุ่งใบปริญญาเเต่มุ่งสู่การเรียนรู้ตลอดชีวิต เเละต้องเปลี่ยนบทบาทของหน่วยงานกำกับดูเเลที่ไม่ใช่เป็นการควบคุม เเต่ต้องสร้างศรัทธาให้กับผู้เรียนเเละผู้สอนว่าสามารถเรียนได้ด้วยตนเองเเละสอนตามความต้องการของเด็ก ,ต้องมีกลไกในการเทียบโอนความรู้ วุฒิเเละประสบการณ์เเละการปฏิรูปต้องสร้างความเข้มเเข็งให้สถานศึกษา รัฐเเค่สนับสนุนเเต่ต้องปล่อยให้โรงเรียนคิดว่าจะทำอย่างไร ให้ครูได้สอนเต็มที่ ลดงานธุรการออกไป 

ส่วนการประเมินผลเน้นระดับห้องเรียนเเละสภาพการเรียนที่เเท้จริง การสอบNT หรือ O-NET อาจเป็นตัวประกอบไม่ใช่ตัวหลัก รวมถึงการศึกษาทางเลือกต้องมีความยืดหยุ่นด้านหลักสูตร วิธีการเรียนการสอนเเละการประเมินด้วย ซึ่งความคิดเห็นทั้งหมดคณะอนุกรรมการจะนำไปประกอบร่างพระราชบัญญัติการศึกษาเเห่งชาติ ซึ่งคาดว่าร่างพ.ร.บ.จะเเล้วเสร็จภายในเดือนเมษายนนี้  ก่อนเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ตะวันออกฝ-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง […]

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]

สกัดจับขบวนการค้ามนุษย์ ลอบขนคนไทยไปเขมร

สระแก้ว 24 ส.ค. – ทหารพรานลาดตระเวนชายแดนไทย-กัมพูชา บ้านกุดหิน ต.คลองน้ำใส อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว สกัดจับคนไทย 10 คน ขณะลักลอบเข้ากัมพูชา เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเจ้าหน้าที่กำลังลาดตระเวนตามแนวชาย เพื่อสกัดกั้นสิ่งผิดกฎหมายที่จะแอบลักลอบขนข้ามแดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจพบรถยนต์ต้องสงสัย 2 คัน ประกอบด้วย รถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว (ไม่ทราบทะเบียน) และ รถยนต์เก๋ง สีดำ ทะเบียนกรุงเทพมหานคร ซึ่งทั้งขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ล่อแหลม โดยรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์สีขาว ได้จอดให้คนเดินลงมาจากรถ และเดินเข้าป่าไป จำนวน 6 คน ประกอบด้วย คนนำพา 1 คน และผู้ลักลอบ 5 คน โดยทั้งหมดเป็นคนไทย ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวไว้ได้ ส่วนรถยนต์เก๋งสีดำที่ขับตามมา เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ จึงขับหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่สามารถสกัดจับไว้ได้ (ห่างจากจุดแรกประมาณ 200 เมตร) จากการตรวจสอบภายในรถพบคนไทย 4 คน […]

พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใกล้ศูนย์เด็กเล็ก

อุบลราชธานี 24 ส.ค. – พบหลุมจรวด BM-21 ที่ยังไม่ระเบิด ใน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี อยู่ริมสระน้ำใกล้ศูนย์เด็กเล็ก เพียง 100 เมตร จากกรณีที่กัมพูชา ยิงจรวด BM–21 เข้าใส่ชุมชน บ้านเรือนประชาชน ในฝั่งไทย จนนำไปสู่การสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ของประชาชนคนไทย เมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันผลกระทบจากจรวด BM–21 ต่อประชาชน คนไทย ยังคงมีอยู่ ภาพจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกไว้ได้จากบ้านหลังหนึ่ง ในอำเภอน้ำยืน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นกัมพูชาได้ยิงจรวด BM-21 เข้ามาตกในเขตชุมชนฝั่งไทย โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น มีจรวด BM-21 ตกมาทั้งหมด 11 ลูก 2 ใน 11 ลูก ตกใส่บ้านประชาชน จนบ้านพังเสียหายทั้งหมด 2 หลัง และมี 1 […]