“สมคิด” แจงนักลงทุน มั่นใจไทยทะยานสูงสู่เศรษฐกิจยุคใหม่

เมืองทองธานี 19 มี.ค. –  “สมคิด” นำทีมเศรษฐกิจแจงนักลงทุน ประกาศความพร้อมพลิกโฉมประเทศ ดันไทยขึ้นแท่นศูนย์กลางความเจริญในอาเซียน เผย 3 กลุ่มยุทธศาสตร์ ทั้งเมกะโปรเจกต์ อีอีซี  ดิจิทัล สนับสนุนเศรษฐกิจไทยให้ทะยานขึ้นสูงสู่เศรษฐกิจยุคใหม่ เชื่อมต่อการเดินทางทั้งอากาศ ทางบกติดต่อกับเพื่อนบ้าน 


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี  กล่าวปฐกถาพิเศษในงานสัมมนา “Thailand Taking off to New Heights”  จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีผู้เข้าร่วม 3,000 คน ประกอบด้วย นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ  ผู้บริหารจากหน่วยงานราชการ และสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ ให้ความสนใจมาร่วมงาน  

นายสมคิด กล่าวย้ำว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คำขอส่งเสริมการลงทุนเติบโตอย่างรวดเร็วจาก  983 โครงการ มูลค่า 197,580 ล้านบาทในปี 2558 เพิ่มเป็น 1,456 โครงการ มูลค่ากว่า 600,000 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 224  หรือประมาณ 3.5 เท่าตัว และคาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดจาก  537 โครงการ มูลค่าลงทุน 96,077 ล้านบาท เพิ่มเป็น 818 โครงการ มูลค่าลงทุน 282,696 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 194 หรือประมาณ 3 เท่าตัว การลงทุนเฉพาะในส่วนของอุตสาหกรรมอันเป็นเป้าหมายเพิ่มจาก 83,339 ล้านบาทในปี 2558 เป็น 392,142 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่าตัว โดยเฉพาะในเขต eastern economic corridor ที่รัฐบาลมุ่งพัฒนาให้เป็นฐานการผลิตและส่งออกใหญ่ของประเทศในอนาคต เพิ่มจาก 52,700 ล้านบาท เป็น 296,890 ล้านบาท หรือเพิ่มเกือบ 6 เท่าตัวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา


นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวที่มาประเทศไทยก้าวกระโดดจาก 29.9 ล้านคน เป็น 35.4 ล้านคนในปีที่ผ่านมา ขณะที่เที่ยวบินที่บินเข้าและออกจากประเทศไทยเพิ่มจาก 363,880 เที่ยวบินในปี 2558 เป็น 416,552 เที่ยวบินในปี 2560 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 15 สะท้อนว่าไทยมีศักยภาพและมีโอกาสก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวและศูนย์กลางการบินของอนุภูมิภาค  ส่งผลให้ไทยพลิกฟื้นของดุลการค้าและดุลชำระเงินของประเทศที่เข้าสู่ยุคเกินดุลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 155 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2558 เป็น 214 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2560 ดัชนีตลาดหลักทรัพย์พุ่งทะลุเกิน 1,800 จุดเป็นครั้งแรก นับเป็นประวัติการณ์สูงสุดตั้งแต่เริ่มก่อตั้งตลาดหลักทรัพย์  ไทยยังได้รับการจัดอันดับความสามารถแข่งขันทั้งจาก IMD และ WEF ในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการจัดอันดับ ease of doing business จาก world bank ในอันดับที่ 26 ในปี 60 ดีขึ้นถึง 20 อันดับ 

ทั้งนี้ รัฐบาลจึงเน้นเดินตามยุทธศาสตร์การลงทุนหลักสำคัญ ประกอบด้วย โครงการลงทุนขนาดใหญ่ หรือ เมกะโปรเจกต์  เพื่อเปลี่ยนโฉมการคมนาคมขนส่ง  ได้แก่  การโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพและปริมณฑล  10 เส้นทาง ระยะทางรวม 464 กิโลเมตร กำลังจะเปิดประมูลอีก 9 ช่วงตอนวงเงินรวมเกือบ 400,000  ล้านบาท  โครงการรถไฟฟ้าในต่างจังหวัดรวม 4 จังหวัด มูลค่ากว่า 160,000 ล้านบาท พร้อมเริ่มต้นในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้  ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ เตรียมเปิดประมูลอีก 10 สายทาง เชื่อมโยงการขงส่งทั้งภาคเหนือ กลาง ตะวันออกเฉียงเหนือและใต้ วงเงินรวมประมาณ 280,000 ล้านบาท  โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงภูมิภาคที่เริ่มต้นก่อสร้างแล้ว คือ รถไฟความร่วมมือไทยจีน กรุงเทพฯ-หนองคาย  โครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน กำลังร่างทีโออาร์ให้แล้วเสร็จในไม่ช้า

การพัฒนาด้านท่าอากาศยาน ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส  2 โครงการพัฒนาท่าอากาศยานดอนเมือง การพัฒนาท่าอากาศยานภูเก็ต เฟส 2 และท่าอากาศยานเชียงใหม่ ระยะที่ 1 ตลอดจนการพัฒนาสนามบินขนาดเล็กลงมาในจังหวัดในภูมิภาค เพื่อรองรับการท่องเที่ยวและการขนส่งสินค้าทางอากาศ  รวมทั้งการสำรวจแหล่งพลังงาน การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแก๊ซธรรมชาติ โครงการลงทุนในโครงข่ายในระบบท่อส่งแก๊ซธรรมชาติ โครงการส่งเสริมพลังงานทดแทน  แผนลงทุนทั้งหมดนี้ในช่วงระยะเวลาปี 2560-2564 มูลค่าการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต  กลุ่มโครงการลงทุนใน Eastern Economic Corridor (EEC) Eastern Economic Corridor คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกที่รัฐบาลไทยตั้งใจพัฒนาต่อยอด จากโครงการ eastern seaboard เดิมเพื่อรองรับเป็นฐานรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่เน้นการเพิ่มมูลค่า นวตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ และเพื่อให้เป็นฐานของการสร้างtranshipment port ขนาดใหญ่ในการขนส่งสินค้าเข้าและออกรองรับไม่เพียงแต่ประเทศไทยแต่รองรับ CLMVT โดยรวม ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อให้ EEC เปี่ยมด้วยสมรรถนะในการรองรับนักลงทุน 


รัฐบาลได้จัดให้มีโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง เชื่อม 3 สนามบิน วงเงินลงทุนประมาณ 236,700 ล้าน คาดว่าจะประกาศทีโออาร์เดือนมีนาคมหรืออย่างช้าต้นเดือนเมษายน เพื่อให้พร้อมเปิดดำเนินการปี 2566 โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก วงเงินประมาณ 200,000 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศเชิญชวนประกวดราคาเดือนกรกฎา 2561 การพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 วงเงินประมาณ 150,000 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศทีโออาร์เดือนสิงหา 2561  โครงการท่าเรือมาบตาพุดเฟส 3 มูลค่าโครงการประมาณ 110,000 ล้านบาท คาดว่าจะประกาศทีโออาร์เดือนมิถุนายน 2561 เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECI) ที่จะสนับสนุน EEC ในการขับเคลื่อน นโยบาย Thailand 4.0 และทดสอบนวัตกรรมใหม่สำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมยุคต่อไป เพื่อวางเป้าหมายให้ไทยป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของอาเซียน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบร่างพลทหารรัวยิงชาวบ้านแล้ว คาดจบชีวิตตัวเองในป่า

15 ส.ค.- พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมา เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น. พบร่างพลทหารที่ก่อเหตุยิงชาวบ้านแล้ว คาดใช้อาวุธปืนจบชีวิตตัวเอง ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ซึ่งเป็นป่าติดกับคลองส่งน้ำ เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเคลียร์พื้นที่ นำร่างผู้เสียชีวิตออกมาส่งพิสูจน์ทราบต่อไป ด้านครอบครัวที่มาเฝ้ารอ ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น – สำนักข่าวไทย

ทบ.แจงเหตุทหารรัวยิงชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ยังคุมตัวไม่ได้

15 ส.ค.- กองทัพบกแจงเหตุทหารหนีออกจากหน่วยพร้อมอาวุธปืน รัวยิงกลางดึก ชาวบ้านกาบเชิง เจ็บ 2 ราย จนท.เร่งล่า ยังไม่พบตัว หากประชาชนพบเห็นรีบแจ้งทันที กองทัพบกชี้แจงเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนในพื้นที่อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2568 เวลา 00.45 น. กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ยินเสียงปืนดังเป็นชุด จำนวน 10 นัด บริเวณถนนข้างวัดบ้านเขื่อนแก้ว อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ต่อมาเวลา 00.54 น. ได้ยินเสียงปืนเพิ่มอีก 2 นัด จากการตรวจสอบกำลังพลและอาวุธประจำกาย พบว่า พลทหารรัฐภูมิ เทพศิริ สังกัดกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ออกจากที่ตั้งโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมอาวุธปืนเล็กยาวและกระสุนจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ ผู้บาดเจ็บทั้งสองรายได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและส่งโรงพยาบาลกาบเชิง ก่อนส่งต่อรักษาตามความเหมาะสม โดยขณะนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจร่วมกับกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 1623 ได้ตรวจสอบพื้นที่และสอบถามพยาน เบื้องต้นคาดว่าพลทหารดังกล่าวอาจเป็นผู้ก่อเหตุ […]

แจ้งจับ “ภูมิธรรม” ปล่อยกัมพูชารุกราน ทำไทยเสียเปรียบ

ขอนแก่น 15 ส.ค. – องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” รักษาการนายกฯ ไม่ทำหน้าที่ตัวเอง ปล่อยกัมพูชารุกรานไทย องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน เพื่อเอาผิด นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในข้อหาหรือฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.119, ม.120, ม.124 ม.157 และมาตราอื่นที่เกี่ยวข้อง นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่นภาคพลเมืองจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า การมาร้องทุกข์กล่าวโทษครั้งนี้ ด้วยเรื่องเอกราชและอธิปไตยของชาติเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด แต่รักษาการนายกฯ ไม่ได้ทำหน้าที่ตัวเอง โดยปล่อยปละละเลยทำให้ต่างชาติรุกรานประเทศไทย ต้องปกป้องรักษาเอกราชและอธิปไตยของชาติให้มั่นคง แต่ที่ทหารขาขาด บาดเจ็บ ประชาชนล้มตายทรัพย์สินเสียหาย คือ ความร้ายแรงของของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต้องทำและต้องปกป้องให้ได้ แต่ไม่มี มีแต่ไปเข้าข้างศัตรูโดยเฉพาะกัมพูชา เป็นโทษร้ายแรงมาก.-สำนักข่าวไทย

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

คณะทูตออตตาวา ลงพื้นที่ศรีสะเกษ

ศรีสะเกษ 16 ส.ค.-รมว.ต่างประเทศ นำคณะทูตภาคีอนุสัญญาออตตาวา ถึง จ.ศรีสะเกษ ลงพื้นที่สำรวจและตรวจการเก็บกู้ทุ่นระเบิด บริเวณภูมะเขือ ใกล้ปราสาทพระวิหาร หวังให้ประชาคมโลกเข้าใจถึงปัญหา และช่วยกดดันให้กัมพูชาแสดงความจริงใจ เมื่อช่วงใกล้เที่ยงที่ผ่านมา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะทูตจากประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา และผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ องค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด รวม 36 คน จาก 33 ประเทศ พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ เข้าฟังการบรรยายสรุปภาพรวมจังหวัดชายแดน ณ โรงเรียนภูมิซรอลวิทยา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีตัวแทนชาวบ้าน 5 คน ที่ได้รับผลกระทบมาร่วมให้การต้อนรับด้วย บริเวณด้านหน้าห้องประชุมได้ติดตั้งป้ายตัวอย่างความเสียหายบ้านเรือนประชาชนที่ได้รับความเสียหาย จากเหตุปะทะ โดยเสียหายหนักและเสียหายทั้งหลัง 36 หลังคาเรือน เสียหายบางส่วน 320 หลังคาเรือน พลเรือนเสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 18 ราย สถานที่ราชการ เสียหาย 14 แห่ง ตามกำหนดการเดิม 13.00 น.คณะทูตจะขึ้นไปยังภูมะเขือเพื่อสำรวจพื้นที่ทุ่นระเบิด […]

เก๋งแต่งซิ่ง เสียหลักพุ่งชนยับ 10 คันรวดบนทางด่วน

กทม. 16 ส.ค.-เก๋งแต่งซิ่งประลองความเร็ว เสียหลักพุ่งชนกันยับ 10 คันรวดบนทางด่วนมุ่งหน้าบางปะอิน เจ้าของรถบีเอ็ม เล่านาทีถูกชน เกิดอุบัติเหตุรถยนต์ชนกันจำนวนหลายคัน บนทางด่วนช่วงทางขึ้นเมืองทองธานี มุ่งหน้าบางปะอิน โดยภาพจากกล้องหน้ารถยนต์คันหนึ่งบันทึกภาพเวลา 00.59 น.วันนี้ (16 ส.ค.68) รถเก๋งสีขาวจำนวน 3 คัน ขับตามกันมาด้วยความเร็วก่อนเกิดการชนกัน ทำให้รถเสียหลักหมุน ก่อนจะถูกรถเก๋งที่ขับตามมาพุ่งชนซ้ำอีกหลายคัน บางคันเกือบตกทางด่วน หลังตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุ จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษ เร่งตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋งแต่งซิ่งประมาณ 10 คัน บางคันเป็นรถหรูราคาแพง ได้รับความเสียหายยับเยิน กีดขวางทั้ง 2 ช่องจราจร มีเศษชิ้นส่วนของรถยนต์ที่แตกและหลุดกระจายเต็มพื้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรปากเกร็ดและเจ้าหน้าที่กู้ภัยการทางพิเศษได้ประสานรถยกเร่งเคลื่อนย้ายรถที่เสียหายออกพร้อมทำความสะอาดคราบน้ำมันและชิ้นส่วนรถยนต์ เพื่อเปิดการจราจรใช้เวลากว่า 3 ชม. จากการสอบถาม นายอชิตพล อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์บีเอ็ม ที่ถูกชนกล่าวว่า ตนขับรถไปรับแฟนมาจากที่ทำงาน เพื่อจะเดินทางกลับบ้านย่านธรรมศาสตร์รังสิต ขณะที่ขับรถอยู่ในช่องทางขวา เห็นรถเก๋งสีขาวที่ขับตามมาด้วยความเร็ว ตนจะเปลี่ยนเลนหลบไปในช่องทางซ้าย แต่ก็ถูกรถเก๋งคันดังกล่าวพุ่งชนท้ายก่อนที่รถจะเสียหลักหมุน เป็นจังหวะเดียวกันกับรถอีกคันที่ขับตามกันมาด้วยความเร็วพุ่งชนซ้ำอีกครั้ง […]

‘ทรัมป์’ – ‘ปูติน’ หารือไร้ข้อสรุปเรื่องยุติสงครามในยูเครน

แองเคอเรจ, อะแลสกา 15 ส.ค. – การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอย ได้สิ้นสุดลงโดยไม่มีข้อตกลงใด ๆ เพื่อยุติหรือพักรบสงครามในยูเครน แม้ว่าผู้นำทั้งสองจะกล่าวว่าการพูดคุยเป็นไปอย่างสร้างสรรค์ก็ตาม หลังจากการประชุมยาวนานเกือบ 3 ชั่วโมง ในอะแลสกา ผู้นำทั้งสองได้ปรากฏตัวต่อหน้าสื่อเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ โดยระบุว่ามีความคืบหน้าในประเด็นต่าง ๆ ที่ไม่ได้ระบุรายละเอียด แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมใด ๆ และไม่เปิดโอกาสให้ตั้งคำถาม นายทรัมป์ซึ่งปกติเป็นคนช่างพูด กลับเพิกเฉยต่อคำถามที่นักข่าวตะโกนถาม นายทรัมป์กล่าวว่า มีความคืบหน้าบ้าง แต่จะยังไม่มีข้อตกลงใด ๆ จนกว่าจะมีการทำข้อตกลง ดูเหมือนว่าการพูดคุยครั้งนี้จะไม่ได้นำไปสู่การดำเนินการที่มีความหมายเพื่อหยุดยิงในความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในยุโรปในรอบ 80 ปี ซึ่งเป็นเป้าหมายที่นายทรัมป์ได้ตั้งไว้ก่อนการประชุม แต่เพียงแค่การได้นั่งพูดคุยแบบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีสหรัฐ ก็ถือเป็นชัยชนะสำหรับนายปูตินแล้ว หลังจากเขาถูกผู้นำชาติตะวันตกกีดกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในปี 2022 หลังการประชุมสุดยอด นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์นิวส์ ว่าเขาจะชะลอการกำหนดภาษีนำเข้ากับจีนสำหรับการซื้อน้ำมันรัสเซีย หลังจากที่การเจรจากับนายปูตินมีความคืบหน้า นายทรัมป์ยังเคยขู่จะใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย แต่จนถึงขณะนี้เขายังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ แม้ว่านายปูตินจะเพิกเฉยต่อเส้นตายหยุดยิงที่นายทรัมป์กำหนดไว้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ในการให้สัมภาษณ์กับฟอกซ์ นิวส์ นายทรัมป์ยังได้เสนอแนะว่าจะมีการจัดการประชุมระหว่างนายปูตินและประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี […]

กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ

กทม. 16 ส.ค.-กต. นำคณะทูตรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา 33 ประเทศ ลงพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ สำรวจความเสียหายการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ผู้แทนองค์การระหว่างประเทศ และองค์กรภาคประชาสังคมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ลงพื้นที่จ.ศรีษะเกษ เพื่อชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการดำเนินการของไทย โดยมีคณะทูตและผู้แทน จำนวน 36 คน แบ่งเป็น 33 ประเทศ 1 องค์กร 2 องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชนไทยและสื่อต่างประเทศ เข้าร่วม ทั้งนี้ ก่อนออกเดินทางกระทรวการต่างประเทศได้บรรยายข้อมูลเบื้องต้นให้คณะได้รับทราบ โดยนายมาริษ กล่าวกับคณะทูต ว่า ขอบคุณที่ร่วมเดินทาง และหวังว่าทุกท่านจะได้รับข้อมูลด้วยตาตัวเองถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่จะเดินทางออกไปยัง จ.ศรีสะเกษ โดยจุดแรกจะนำคณะทูตจากประเทศสมาชิกอาเซียนรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาเดินทางไปโรงเรียนภูมิซรอลวิทยา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษณ์ เพื่อรับฟังบรรยายสรุปจากกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงมหาดไทย จากนั้นจะนำคณะทูตและสื่อมวลชนขึ้นไปภูมะเขือ และฐานปฏิบัติการ เพื่อดูภูมิประเทศ เยี่ยมชมการเก็บกู้ทุนระเบิดของหน่วยปฏิบัติการด้านทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมในพื้นที่ภูมะเขือ สำรวจความเสียหายที่เกิดจากการใช้ทุ่นระเบิดของฝั่งกัมพูชา.-316.-สำนักข่าวไทย