นครราชสีมา 16 มี.ค.- บสย.ชวนผู้ประกอบการและเอสเอ็มอี ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน PGS 6 ปรับปรุงใหม่ ฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปีแรก ก่อนวงเงินหมดและปิดโครงการ 30 มิ.ย.นี้
นายวิเชษฐ วรกุล รองผู้จัดการทั่วไป สายงานธุรกิจ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม(บสย.) กล่าวว่า บสย.ขอเชิญชวนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ ซึ่งล่าสุด ยังคงมีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อได้อีก 30,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่า วงเงินจะหมดลงและปิดโครงการในวันที่ 30 มิ.ย.นี้ โดยช่วงนี้ เป็นช่วงนาทีทอง เพราะ บสย. ฟรี ค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อ นานถึง 4 ปีแรก โดยรัฐบาลและธนาคารเป็นผู้ชำระแทน จากนั้นตั้งแต่ปี 5 ผู้กู้ชำระค่าธรรมเนียม เพียงร้อยละ 1.75 ต่อปี ซึ่งเท่ากับว่า จะได้สินเชื่อที่มีต้นทุนต่ำกว่าในช่วงปกติ
สำหรับโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน PGS 6 ปรับปรุงใหม่ ให้วงเงินค้ำประกันสินเชื่อไม่เกิน 40 ล้านบาทต่อรายรวมทุกสถาบันการเงินมีระยะเวลาค้ำประกันสูงสุดไม่เกิน 10 ปี โครงการจะสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายนปีนี้หรือวงเงินค้ำประกันครบ 81,000 ล้านบาท แล้วแต่เงื่อนไขใดจะถึงก่อน โดยในปีที่ผ่านมา บสย. ประสบความสำเร็จเกินกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ตัวเลขผู้ใช้บริการค้ำประกันสินเชื่อรวมมากกว่า 100,000 ราย มีวงเงินค้ำประกันสินเชื่อรวมกว่า 86,000 ล้านบาท
สำหรับการให้ความช่วยเหลือของบสย.แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงสินเชื่อในปี 2561 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างมกราคมถึง 14 มีนาคม บสย.มีการอนุมัติหนังสือค้ำประกันสินเชื่อแล้วจำนวน 1,200 ฉบับทำประกันสินเชื่อรวมกว่า 700 ล้านบาท
นอกจากนี้จากการที่ บสย.ลงพื้นที่ร่วมกับทีมสำนักงานสาขา จังหวัดนครราชสีมา ยังพบว่าผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่เป็นลูกค้า บสย. มีความต้องการเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อขยายธุรกิจ ขยายกำลังการผลิตและเงินทุนหมุนเวียนซึ่ง บสย.เห็นว่าหากได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินแบบต่อเนื่องจะช่วยให้ผู้ประกอบการมีความมั่นใจในการพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ
ในระหว่างปี 2560 บสย.ดำเนินการร่วมกับสมาคมธนาคารไทยในการติดตามยอดค้ำประกันโครงการ ทุกเดือน ในที่ประชุมชมรมเพื่อการพัฒนาธุรกิจ SMEs ภายใต้สมาคมธนาคารไทย และปัจจุบัน บสย.อยู่ระหว่างการประสานงานไปยังสมาคมธนาคารไทย เพื่อประชาสัมพันธ์ ผ่านตู้กดเงินสดอัตโนมัติ (ATM) ของธนาคารสมาชิก เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้น ซึ่งรูปแบบความร่วมมือครั้งนี้ บสย. จัดทำในรูปแบบของ Info Graphic เพื่อสร้างการรับรู้การเข้าถึงสินเชื่อต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการค้ำประกันสินเชื่อกับ บสย. พร้อม Call Center 02-890-9999 คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเร็วๆ นี้ ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถ ติดต่อได้ที่ ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐทั้ง 18 แห่ง ส่วนในต่างจังหวัด สามารถไปปรึกษาเจ้าหน้าที่สาขาของ บสย. ทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ
นายวิเชษฐ ยังนำสื่อมวลชน เยี่ยมชมกิจการลูกค้าที่ใช้บริการค้ำประกินสินเชื่อจาก บสย.ด้วย คือ บริษัท ภิญโญวานิช จำกัด ของนางสุมาลี ภิญโญ อายุ 57 ปี ซึ่งผลิตและจำหน่ายภาชนะจากกาบหมาก ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบรนด์ “วีรษา” โรงงานอยู่ที่ ต.สูงเนิน อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา ที่กิจการเติบโตจากการสนับสนุนสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และได้ใช้บริการการค้ำประกันสินเชื่อจาก บสย. จนกิจการเติบโตและมีคำสั่งซื้อสูงกว่ากำลังการผลิต บริษัทจึงต้องการเงินทุนเพิ่มเพื่อใช้ในการขยายกำลังการผลิต และสำหรับคิดค้นเครื่องจักรในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์รูปแบบใหม่ ๆ ต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาสินเชื่อที่บริษัทขอเพิ่มเติมจากสถาบันการเงิน
สำหรับ บริษัท ภิญโญวานิช จำกัด ตั้งเมื่อปี 2558 มีนางสุมาลี ภิญโญ เจ้าของ เริ่มต้นธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2538 จากการเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดงานเลี้ยงอาหารแบบขันโตกในงานประเพณีชื่อดัง “กินเข่าค่ำ” ของอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา งานย้อนยุคในบรรยากาศสมัยโบราณ แต่ด้วยช่วงนั้น ภาชนะบรรจุอาหารส่วนใหญ่ยังเป็น “โฟม” ซึ่งสวนทางกับธีมงานที่เป็นแบบย้อนยุค จึงนำกาบหมากวัสดุธรรมชาติที่มีจุดเด่นย่อยสลายตามธรรมชาติเพียง 45 วัน มาผลิตภาชนะ โดยคิดค้นเครื่องจักรปั๊มขึ้นรูป และถือเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ในประเทศไทย ซึ่งได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้
สำหรับแบรนด์ ” วีรษา ” มีที่มาจากชื่อของคุณปู่ และคุณย่า มารวมกัน “วีระ+อุษา” ซึ่งมองว่าเป็นชื่อ ที่สามารถจดจำได้ง่าย โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่ออกเสียงได้ไม่ยาก
ก่อนหน้านี้ บริษัท เคยขอสินเชื่อขยายธุรกิจ และบสย.ค้ำประกันสินเชื่อเต็มวงเงิน ในปี 2560 ซึ่งช่วงนั้น บริษัทตัดสินใจขอสินเชื่อจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ผ่านโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 SME เกษตร จำนวน 9 แสนบาท ซึ่งบสย.ค้ำประกันเต็มวงเงิน ระยะเวลา 7 ปี ผ่านโครงการค้ำประกันสินเชื่อ SMEs ทวีทุน (PGS6) ปรับปรุงใหม่ เพื่อลงทุนซื้อเครื่องจักร (เครื่องขึ้นรูปภาชนะกาบหมาก) และเครื่องมือในการผลิตภาชนะจากกาบหมากเพิ่มเติม เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตร ซึ่งการซื้อเครื่องจักรดังกล่าว ทำให้บริษัทปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากแรงงานคนสู่เครื่องจักร เพิ่มศักยภาพการผลิต ทำให้มีสินค้าออกสู่ตลาดมากขึ้น โดยปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 800-1,000 ชิ้นต่อวัน ปัจจุบัน ภาชนะจากกาบหมาก แบรนด์ “วีรษา” มีคำสั่งซื้อจากซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะ ในธุรกิจค้าปลีกที่จริงจังกับแนวนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม การลดปริมาณขยะ โดยการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์จากโฟมเป็นกาบหมาก
บริษัท ภิญโญวานิช จำกัด ยังจัดทำโครงการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกหมาก เพื่อขายผลิตและป้อนกากหมากให้กับบริษัทอีกด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างรายได้อย่างยั่งยืนแก่ชุมชน โดยส่งเสริม ทั้งในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และในจังหวัดข้างเคียง เพื่อรองรับการเติบโตในระยะยาวของบริษัท ซึ่งเห็นผลได้จริงภายในระยะเวลาเพียง 3 ปีเศษ เพราะสามารถเก็บผลิตผลจากต้นหมากขายได้เงิน ตั้งแต่ดอกผลจนถึงกาบหมาก ลำต้น และราก โดยใช้พื้นที่ในการปลูกไม่มาก พื้นที่ 1 ไร่ สามารถปลูกต้นหมากได้ถึง 1,000 ต้น
โครงการส่งเสริมการปลูกหมากในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา เริ่มดำเนินการแล้วที่ ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ตามด้วยแนวคิดการส่งเสริมให้คนในชุมชนหันมาปลูกหมาก และพัฒนาถิ่นฐานใหม่ ยกระดับสู่การเป็นชุมชนเพื่อการท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้อีกด้วย- สำนักข่าวไทย