มาเลเซีย-อินโดฯ ชวนไทยร่วมต้านอียูเลิกใช้ปาล์มผลิตไบโอดีเซล

กรุงเทพฯ 14 มี.ค. – มาเลเซีย อินโดนีเซีย ชักชวนไทย ร่วมคัดค้านอียูที่มีข้อเสนอยกเลิกการใช้ปาล์มผลิตไบโอดีเซลในปี 2564 หวั่นทำราคาตกต่ำ ขณะที่วันพรุ่งนี้ (15 มี.ค.)  กระทรวงพลังงาน-คมนาคมควงคู่เริ่มทดสอบบี 10 ในรถไฟ


นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้กระทรวงพาณิชย์ได้ส่งหนังสือมายังกรมฯ เพื่อขอให้รวบรวมและวิเคราะห์ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพที่ผลิตจากน้ำมันปาล์ม หลังจากมาเลเซียและอินโดนีเซียทำหนังสือถึงไทยให้ร่วมกันคัดค้าน กรณีที่สมาชิกรัฐสภาอียูส่วนใหญ่โหวตเพื่อแก้ไขร่างกฎหมายพลังงานทดแทนที่ให้ลดสัดส่วนเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuels) และเชื้อเพลิงเหลวที่ผลิตจากน้ำมันปาล์มให้เป็นศูนย์ในปี 2564  เพราะเกรงว่าจะมีผลกระทบต่อราคาผลปาล์มในอนาคต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ของกรมฯ อยู่ระหว่างการรวบรวมและวิเคราะห์ คาดว่าจะสรุปได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ 

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ในส่วนของน้ำมันไบโอดีเซลของไทยนั้น เป็นการดำเนินการที่ช่วยสนับสนุนเกษตรกรไทย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถช่วยเหลือด้านราคาปาล์มได้ทั้งหมด โดยขณะนี้มีข้อเรียกร้องให้เพิ่มส่วนผสมจากร้อยละ 7 (บี 7 ) เป็นร้อยละ 10 (บี 10) ซึ่งต้องดูรายละเอียดทั้งหมดว่าดำเนินการแล้ว มีผลกระทบและผลดีอย่างไรบ้าง โดยต้องยอมรับว่าหากเป็นบี 10 ราคาไบโอดีเซลต้องแพงขึ้น เพราะเงินอุดหนุนต้องเพิ่ม ขณะเดียวกันการใช้ส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นจากบี 7 ก็จะมีผลต่อเครื่องยนต์ เพราะหากอากาศหนาวเย็น เช่น การใช้ในภาคเหนือก็จะส่งผลน้ำมันหนืดขึ้น ดังนั้น ค่ายรถยนต์จึงไม่เห็นด้วยหากปรับสูตรน้ำมันมาตรฐานจากบี 7 เป็นบี 10 


อย่างไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้ร่วมกันทดสอบบี 10 กับรถไฟ ว่าจะใช้ได้หรือไม่ โดยวันพรุ่งนี้ (15 มี.ค.) นายศิริ จิระพงษ์พันธ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และ นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม จะร่วมติดตามการทดสอบในจังหวัดสมุทรสาคร จากสถานีรถไฟบ้านแหลมถึงสถานีรถไฟแม่กลอง    

นายกฤษดา เชาวนะนันท์ ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มาตรการของอียูต้องติดตามใกล้ชิด เพราะระยะสั้นอาจจะมีผลทางจิตวิทยาที่อาจกระทบต่อราคาปาล์มตลาดโลกลดลง

นายศาณินทร์ ตริยานนท์ นายกสมาคมผู้ผลิตไบโอดีเซลไทย กล่าวว่า  อียูใช้น้ำมันปาล์มแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพกว่า 3 ล้านตัน หากยกเลิกจะกระทบต่อผู้ส่งออกหลัก คือ อินโดนีเซียและมาเลเซีย คาดจะฉุดให้ราคาปาล์มตกต่ำ  ดังนั้น  ไทยจะได้รับผลกระทบทางอ้อมด้านราคาตามมา ทางรัฐบาลคงจะต้องวางแผนรองรับระยะยาว โดยควรส่งเสริมการลงทุนที่จะนำไปสู่การใช้ด้านอื่นเพิ่มขึ้น  เช่น อุตสาหกรรมโอลิโอเคมี ฯลฯ. – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย