ทำเนียบรัฐบาล 7 มี.ค.-รัฐบาลเตรียมอุดรูรั่วทุจริตเงินสวัสดิการรัฐ บูรณาการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกันทั้งระบบ หวังส่งเข้ากระเป๋าประชาชนโดยตรง
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณาเรื่องพระราชบัญญัติป่าชุมชนเพื่อช่วยเหลือประชาชนและป่าชุมชนอย่งแท้จริง เป็นกฎหมายที่ประชาชนมากว่า 26 ปี โดยวัตถุประสงค์ของพระราชบัญญัติต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับภาครัฐในการปลูก บำรุงรักษาป่า และใช้ประโยชน์ร่วมกันได้อย่างสมดุล
“ภาคประชาชนเข้ามา มีส่วนร่วมดูแลรักษาป่าในพื้นที่ป่าที่อยู่นอกเขตป่าอนุรักษ์ตามกฏหมาย และพื้นที่อื่น ๆ เช่น ส.ป.ก. โดยตั้งเป้าหมายไว้ 21,850 หมู่บ้าน พื้นที่ 10 ล้านไร่ จากผลดำเนินงานจัดตั้งป่าชุมชนในปัจจุบัน 10,607 หมู่บ้าน 5.8 ล้านไร่ เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนได้ และมั่นใจว่าจะเพิ่มจำนวนและความสมบูรณ์ของป่าชุมชนได้ โดยมีประชาชนเป็นเจ้าของป่า เฝ้าป่าให้” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติคณะกรรมการกำกับกิจการสหกรณ์การเงินขนาดใหญ่ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ต้องการให้แก้ปัญหาและ สร้างความมั่นคงให้สหกรณ์ออมทรัพย์ สหกรณ์เครดิตรยูเนี่ยนที่ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 11 ล้านคน โดยรัฐบาลจะดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกพระราชบัญญัติฉบับใหม่ ช่วยขับเคลื่อนให้ตั้งองค์กรอิสระ ภายใต้การดูแลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ช่วยกำกับดูแลสหกรณ์การเงินขนาดใหญ่ของประเทศ ที่ขณะนี้ประมาณการงบประมาณไว้ประมาณ 5,000 ล้านบาท
“สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ได้ไปพบกับพี่น้องสหกรณ์ที่ชุมนุมสหกรณ์ออมทรพย์แห่งประเทศไทย ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับพระราชบัญญัตินี้ โดยแจ้งให้ทราบว่าภายใน 2 เดือนข้างหน้าจะนำพระราชบัญญัติฉบับนี้ที่ผ่านการแก้ไขมาหารือกับพี่น้องสหกรณ์ เพื่อทำให้เป็นกฏหมายที่ตอบโจทย์อย่างแท้จริง เป็นกฏหมายที่จะรองรับสหกรณ์ 4.0 สร้างกลุ่มเครือข่าย สร้างความเข้มแข็งในระยะยาว และภายใน 3 เดือนจะสามารถนำกฏหมายฉบับนี้เสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะวางอนาคตให้กับสหกรณ์ไทย กฏหมายฉบับนี้จะตั้งกองทุนค้ำประกันเงินฝากให้สหกรณ์ต่าง ๆ ด้วย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือเรื่องพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีผลต่อประชาชนทั้งประเทศ ที่ผ่านมามีพระราชบัญญัติฉบับเก่าที่ใช้มาระยะหนึ่งแล้ว และพบข้อจำกัด จึงเสนอปรับปรุงแก้เพื่อให้ตอบโจทย์ประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งนี้ พระราชบัญญัติฉบับนี้ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนแล้ว และได้จะนำกลับไปหารือในคณะกรรมการปฏิรูปกฏหมาย โดยคาดว่าจะสามารถเสนอเข้าที่ประชุมครม.ได้ภายใน1 เดือน
“อย่างเรื่องบทบัญญัติการทบทวนเรื่องการอนุญาตในอดีตต้องทบทวนทุก 5 ปี ในอนาคตจะทบทวนได้เมื่อมีการเสนอจากคณะกรรมการพัฒนากฏหมายจากหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องว่าจำเป็นอยู่หรือไม่ จะปรับปรุงคู่มือประชาชนให้ครอบคลุมและกฏระเบียบต่าง ๆ ต้องขึ้นเวปไซด์ การขอหลักฐานจากหน่วยงานราชการที่เคยต้องใช้สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ในกฏหมายฉบับนี้ไม่ต้องใช้แล้ว หน่วยงานรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะไปขอจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกันเอง และหากการแจ้งผลการขออนุญาตล่าช้า ไม่แจ้งตอบภายใน120 วันให้ถือว่าเป็นการอนุญาต” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนเรื่องการบูรณาการระบบสวัสดิการของภาครัฐ นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีระบบสวัสดิการทั้งหมด 44 ระบบตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ปัญหาคือทั้ง44 ระบบไม่เชื่อมโยงกัน รัฐบาลไม่เห็นภาพรวมว่าประชาชนแต่ละคนได้รับสวัสดิการอย่างไร และไม่ทราบว่าคนที่รับสวัดิการของรัฐเสียชีวิตแล้ว เพราะเราที่ผ่านมาไม่ได้เชื่อมโยงการแจ้งมรณบัตรกับสวัสดิการที่ทำอยู่ในปัจจุบัน จึงกลายเป็นการรั่วไหล เกิดการโกงเงินคนจน ดังนั้น อนาคตจะพัฒนาให้ระบบสวัสดิการของรัฐเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ซึ่งจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างแท้จริง และเมื่อเชื่อมโยงแล้ว ต้องหารือกระทรวงการคลังว่ากระบวนการจ่ายสวัสดิการจะไปสู่กระเป๋าของประชาชนโดยตรงได้อย่างไร
“ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สวัสดิการจะเป็นภาระที่ยิ่งใหญ่ของรัฐบาล เช่น สหรัฐ มีภาระประกันสังคม ประกันสุขภาพเป็นงบที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ในส่วนของไทย ตั้งใจจะพัฒนาระบบข้อมูลสวัสดกิารให้ได้ และเมื่อพัฒนาได้แล้วจะสามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพและตรงจุด จะทำงานร่วมกับทีมงานบิ๊กเดต้า ของกระทรวงดิจิตัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ขณะเดียวกันจะร่วมกับสภาพัฒน์ฯ สำนักงานรัฐบาลอิเลคทรอนิคส์เพื่อพัฒนาระบบ จะใช้เวลา6 เดือน หลังจากนั้นจะเห็นการพัฒนาระบบทั้งหมด และนำไปใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องสิทธิส่วนบุคคล จะไม่มีการเปิดเผยโดยเด็ดขาด-สำนักข่าวไทย
