กรุงเทพ ฯ 6 มี.ค. – ตลท. จัดทำข้อมูลเตือนการลงทุนไอซีไอ และคริปโตเคอร์เรนซี่ ต้องรอบคอบ เสี่ยงสูง ขณะที่การประชุม 4 หน่วยงานคุมคริปโตเคอร์เรนซี่เลื่อน
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียน (บจ.) และ ไม่ใช่บริษัทจดทะเบียน แสดงความสนใจระดมทุนด้วยวิธีเสนอขายเหรียญดิจิทัลให้คนทั่วไป (ไอซีโอ) ซึ่งในเรื่องตลท.ไม่มีหน้าที่อนุญาต หรือไม่อนุญาตให้บจ.ระดมทุนดังกล่าว แต่หาก บจ. ต้องการใช้ความน่าเชื่อถือจากการเป็น บจ.ในการะดมทุนดังกล่าว จะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลผ่านระบบของ ตลท.ให้ครบถ้วน เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลใช้ก่อนตัดสินใจลงทุน.
ขณะเดียวกัน ตลท. อยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลออกมาเผยแพร่ เพื่อให้นักลงทุนได้ทำการศึกษาว่า การจะเข้าไปลงทุนในเหรียญดิจิทัล ต้องรู้ข้อมูลอะไรบ้าง และนักลงทุนต้องรู้จักป้องกันความเสี่ยง และ ศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ
“นักลงทุนต้องลองถามตัวเองว่าบริษัทที่ออกไอซีโอดำเนินกิจการอะไร ระดมทุนไปเพื่อทำอะไร ความเป็นไปได้ของโครงการมีมากน้อยแค่ไหน และ ผลตอบแทนที่จะได้รับคืออะไร เป็นเงินปันผล หรือ กำไรจากส่วนต่างของราคา ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลเบื้องต้นที่นักลงทุนต้องทำการศึกษาก่อนการลงทุน” นางเกศรา กล่าว
นางเกศรา กล่าวด้วยว่า แม้จะมีบริษัทสนใจระดมทุนแบบไอซีโอ แต่บางบริษัทอาจจะไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งสถิติในต่างประเทศพบว่าบริษัทที่ระดมทุนด้วยไอซีโอกว่าครึ่งไม่สำเร็จ ดังนั้นเชื่อว่าการระดมทุนแบบปกติ การขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ยังมีความจำเป็นสำหรับบริษัทไทย และเชื่อว่ายังต้องใช้เวลากว่าที่จะมีการยอมรับหรือเกิดความเชื่อมั่นในเงินสกุลดิจิทัลในประเทศไทย
นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกกระทรวงยุติธรรมระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมให้ตความสำคัญกับเงินดิจิทัล โดยเฉพาะเงินดิจิทัลสกุลบิทคอยน์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน รวมถึงกิจกรรมอื่นที่เกิดขึ้นบนระบบฐานข้อมูลของเทคโนโลยีบล็อกเชน ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างความสมดุลอย่างระมัดระวังด้วยมาตรการที่เหมาะสม มีการกำกับดูแลเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและปลอดภัยในสังคมโดยไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของประเทศ
ส่วนการออกกฎหมายดูแลเงินดิจิทัลจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในหลักการของนวัตกรรมนี้ เพื่อจะเป็นประโยชน์ทั้งในแง่ของการส่งเสริมเทคโนโลยี และเพื่อกำกับดูแลไม่ให้เกิดการกระทำความผิดขึ้นในระบบ เช่น การพนัน การฉ้อโกงประชาชน การฟอกเงิน เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งสร้างความตระหนักรู้แก่ประชาชนในวงกว้าง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันมิให้ต้องตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วม 4 หน่วยงาน คือ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. และ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ที่จะออกเกณฑ์ดูแลเงินสกุลดิจิทัลในวันนี้ การประชุมเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายังไม่ส่งร่างกฎหมายกำกับดูแลการสกุลเงินดิจิทัลกลับมา.-สำนักข่าวไทย