รวบตัววัยรุ่นปาของแข็งใส่รถไฟได้แล้ว

กรุงเทพฯ 4 ต.ค. – รวบตัววัยรุ่นคดีปาของแข็งใส่ขบวนรถไฟ ระหว่างสถานีคลองตัน-หัวหมาก จนทำให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บได้แล้ว 


นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการรถแห่งประเทศไทย เปิดเผยความคืบหน้าเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้ของแข็งขว้างปาเข้าใส่ขบวนรถไฟที่ 277 ขณะทำการเดินรถถึงระหว่างสถานีคลองตัน-หัวหมาก ส่งผลให้ผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ 2 รายว่า หลังจากเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ได้แจ้งความดำเนินคดีที่สถานีตำรวจมักกะสันไปแล้ว ล่าสุดได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้ว โดยเป็นเยาวชนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงเขตทางรถไฟ แต่เนื่องจากผู้กระทำผิดเป็นเยาวชนอายุไม่ถึง 18 ปี จึงขอสงวนในการเปิดรายชื่อต่อสาธารณะ

“จากการได้รับรายงานพบว่า เหตุที่เกิดขึ้นมาจากความคึกคะนองของเยาวชน โดยมีการเล่นและท้าท้ายกันจนมีการปาของแข็งขึ้นมาบนขบวนรถไฟฯ ดังกล่าวและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้การรถไฟฯ จะให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป พร้อมได้กำชับให้ผู้ปกครองของเยาวชน เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลบุตรหลานไม่ให้มีพฤติกรรมเช่นนี้อีก เพราะถือว่าเป็นการกระทำผิดเรื่องร้ายแรง สร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินของการรถไฟฯ และเกิดอันตรายต่อผู้โดยสารอีกด้วย” ผู้ว่า รฟท.กล่าว


 

นายวุฒิชาติกล่าวว่า ยังได้ให้นโยบายการยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารรถไฟอย่างเต็มที่ โดยสั่งการให้ตำรวจรถไฟ และเจ้าหน้าที่การรถไฟที่อยู่ประจำอยู่ทั้งสถานี และในขบวนรถ เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจตราดูแลความเรียบร้อย ความปลอดภัยภายในสถานีและตัวรถเพิ่มยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้กำลังใกล้ถึงฤดูกาลท่องเที่ยว ซึ่งจะมีผู้ใช้บริการรถไฟจำนวนเพิ่มขึ้น  รวมทั้งขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ ให้ส่งชุดสายตรวจ ดูแลความเรียบร้อยในจุดที่เคยเกิดเหตุ หรือจุดสุ่มเสี่ยงที่อาจเกิดเหตุขึ้นในทุกพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายขึ้นอีก

นอกจากนี้ การรถไฟฯ ได้เพิ่มการดูแลความปลอดภัยในชีวิตแก่ผู้โดยสาร โดยตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา ได้จัดทำประกันอุบัติเหตุผู้โดยสารรถไฟไทยกับบริษัท เมืองไทยประกันภัย  สำหรับคุ้มครองการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟ และเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ที่ปฏิบัติหน้าที่บนขบวนรถ หรือขณะกำลังขึ้น-ลงขบวนรถที่เดินทางทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ  ซึ่งให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลสูงสุดรายละ 30,000 บาท และหากร้ายแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนรถไฟ หรือที่เกิดจากรถไฟจะได้เงินความคุ้มครองค่าสินไหมรายละ 300,000 บาท – สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”