สำนักงาน กกต. 26 ก.พ.- “สมชัย” ลงสมัครเลขาฯ กกต.ตามคาด อ้างยอมสละตัวเป็นทางออกประเทศ เป็นเรือเล็กคอยประคองเรือใหญ่ ยอมขัดใจภรรยาทั้งที่สั่งให้ลาออกไปทำงานอื่น ให้โอกาส 4 กกต.เลือกอนาคตให้ตัวเอง วอนคนมีความสามารถมาสมัครเพื่อเป็นตัวเลือกจะไม่ล็อบบี้ หรือใช้สิทธิ์ในฐานะ กกต.โหวตให้ตัวเอง
เมื่อเวลา 13.30 น. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ยื่นใบสมัครพร้อมหลักฐานในการสมัครเป็นเลขาธิการ กกต. ท่ามกลางสื่อมวลชนจำนวนมาก มาติดตามทำข่าว เพราะก่อนหน้านี้มีข่าวว่านายสมชัย จะลาออกจากตำแหน่ง กกต. โดยนายสมชัย ให้เหตุผลการลงสมัครเลขา กกต.ว่า เนื่องจากเห็นว่าเหลือเวลาอีกเพียง 3 วัน แต่คนยังสมัครน้อย แต่สาเหตุหลักเพราะเห็นว่า คสช.มีเจตนาที่จะให้กกต.ชุดใหม่ที่มีคุณสมบัติสูงมีเอกภาพเป็นปลาน้ำเดียวทำหน้าที่จัดการเลือกตั้งในทุกระดับ และเมื่อเกิดเหตุที่ประชุม สนช. ไม่รับรอง 7 กกต. ทำให้ต้องการสรรหาใหม่ ที่คาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน ราวเดือนสิงหาคมจึงจะได้ กกต.ชุดใหม่ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวหากมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตามความต้องการของคสช. และยังต้องเจอปัญหา นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ต้องพ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ ความฉุกละหุกในการได้ กกต.ชุดใหม่ในช่วงเวลาดังกล่าวจะมีผลทำให้การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นเกิดความไม่ราบรื่น
นายสมชัย กล่าวว่า นอกจากนี้หากในเดือน ส.ค. การสรรหา กกต.ยังได้ไม่ครบ ต้องมีการสรรหาเพิ่มก็ใช้เวลาเพิ่มเติมไปอีก 6 เดือน โดยจะไปครบในเดือน ก.พ. 62 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวอาจจะมีการเลือกตั้งทั่วไป ขณะเดียวกันนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. ก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากมีอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 8 ก.พ.62 ปรากฎการณ์ทำนองนี้เชื่อว่าทำให้ฝ่ายอึดอัด เพราะ กกต.ชุดใหม่ที่มาก็ต้องทำงานทันที ไม่มีเวลาเรียนรู้งาน ขณะที่ กกต.เก่าซึ่งไม่รู้ว่าจะต้องพ้นไปเมื่อไหร่ แม้จะทำงานเต็มที่ แต่กลไกลการปฎิบัติจะไม่เอื้อให้เกิดประโยชน์ เพราะฝ่ายปฎิบัติจะมองว่าไม่ใช่ตัวจริง ดังนั้น ที่ตัดสินใจยื่นสมัคร จึงเป็นการหาทางออกให้กับตัวเองและบ้านเมือง เพราะถ้าไม่ได้รับเลือกให้เป็นเลขาฯ ก็ยังทำหน้าที่ กกต. ช่วยในเรื่องของการเตรียมการเลือกตั้ง หรือถ้าได้รับเลือกเป็นเลขาฯ ก็จะได้ทำหน้าที่ให้การส่งมอบงานและช่วยการทำงานของ กกต.ชุดใหม่ให้เป็นไปอย่างราบรื่น
“สิ่งที่ผมตัดสินใจในวันนี้ คงต้องใช้คำว่า ไม่ได้สละเรือใหญ่โดดหนี กกต. 5 คน แต่หากเห็นว่าผมเหมาะสมกับตำแหน่งเลขาฯ อาจให้ผมโดดไปอยู่เรือเล็ก เพื่อที่จะทำหน้าที่สนับสนุนประคองเรือใหญ่ ซึ่งก็แล้วแต่ กกต. ผมจะไม่ล็อบบี้ใดๆ จะแข่งขันภายใต้ความเท่าเทียมกันของผู้สมัครทุกคน และให้กำลังใจกับผู้สมัครทุกคนที่มาสมัคร ที่ผมลงไม่ได้แปลว่าผมจอง หรือ กกต.จะเลือกผม เพราะก็ต้องอยู่ภายใต้กติกาเดียวกัน คือต้องมีคุณสมบัติ แสดงวิสัยทัศน์ ยืนยันไม่ใช้สิทธิ์ความเป็น กกต.เอาเปรียบผู้สมัครคนอื่น ” นายสมชัยกล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า การสมัครก็ไม่ใช่เพราะอยากออกจากการเป็น กกต. แต่เห็นว่าแนวทางดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดวิกฤติ เนื่องจากหาก กกต.4 คนเลือกตนเป็นเลขา ซึ่งตามปฎิทินของกรรมการสรรหาฯ 1 มิ.ย.จะต้องมีเลขาฯคนใหม่ จะมีการเสนอให้ที่ประชุม กกต. พิจารณาในวันที่ 8 พ.ค. ตนเองก็จะลาพักร้อนไม่ร่วมประชุม เพื่อให้ กกต.ตัดสินใจอย่างเสรี ไม่ต้องเกรงใจ หากได้รับเลือกก็จะต้องลาออกในวันที่ 31 พ.ค. มีผลทำให้ กกต.เหลือ 4 คน ซึ่งก็ยังทำงานและลงมติเรื่องสำคัญได้ จนกระทั่งถึงวันที่ 7 ส.ค.ที่นายบุญส่งต้องพ้นไป ถ้าวันนั้นยังไม่ไม่มีคำสั่งจาก คสช.ให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ก็จะทำให้เหลือ กกต.3 คน ในเวลาสั้นๆ เพราะปลายสิงหาก็จะได้ กกต.ใหม่เข้ามาทำงานแล้ว
“หาก กกต.เห็นว่าผมสมควรที่จะอยู่ในเรือใหญ่ ก็ลงมติเลือกคนอื่นเป็นเลขาฯ ซึ่งการตัดสินใจของ กกต.ถือว่าเป็นเกียรติและจะทำหน้าที่ กกต.ต่อไปจนกว่า กกต.ใหม่จะมารับตำแหน่ง แต่ถ้าหากให้ลงเรือเล็กก็ดีใจน้อยลงมาหน่อย แต่ก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในการส่งมอบ ขอเป็นเรือเล็กที่ประคองเรือลำใหญ่ เพราะฉะนั้นทุกอย่างถือว่าลงตัวที่สุดในเชิงทางออก กกต.ใหม่จะมาเมื่อไหร่ก็ไม่เป็นปัญหา จะมีคนรู้เรื่องคอยดูแลให้และเป็นปลาน้ำเดียวอย่างที่ผู้มีอำนาจตั้งใจให้มาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง โดยผมก็จะถอยไปเป็นอีกสปีชี่หนึ่งที่ต่ำกว่า คือ แมงกระพรุนที่อยู่ในทะเลเดียวกันได้” นายสมชัยกล่าว
เมื่อถามว่าเป็นการเหยียบเรือสองแคมหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า แล้วแต่จะคิด แต่ดีกว่าออกจากเรือโดยไม่มีเยื่อใยแล้วเกิดปัญหาบ้านเมือง เพราะตั้งแต่วันศุกร์ที่มีกระแสข่าวว่าจะลาออก ก็ได้มีคนส่งข้อความมาสนับสนุนให้ลาออก โดยเฉพาะภรรยาที่เกือบจะเป็นคำสั่ง ว่าไม่ประสงค์ให้อยู่ในตำแหน่ง กกต.เลยอีกต่อไป ให้ไปทำงานอื่นที่สบายใจดีกว่า แต่ผมก็เห็นว่าไม่ใช่ทางออกของการแก้ปัญหาบ้านเมือง
นายสมชัย ยืนยันการสมัครเป็นเลขาฯ ไม่ถือว่า ลดตำแหน่ง เพราะคนที่เคยเป็นนายกฯ ยังมาเป็นรองนายกฯ คนที่เป็นรัฐมนตรียังมาเป็นรัฐมนตรีช่วยฯ ได้ จึงอยู่ที่ว่าเรารู้บทบาทในตำแหน่งหน้าที่ที่ทำอยู่หรือไม่ อย่างตนถ้าได้เป็นเลขาฯ การพูดจาก็จะสงบเสงี่ยมมากขึ้น แถลงเฉพาะที่เป็นมติที่ กกต.มอบหมาย และ หากกกต.ไม่พอใจผลการทำงานในแต่ละปีที่จะต้องมีการประเมิน ก็สามารถเลิกจ้างโดยจะไม่มีเสียงโวยวายจากตนเลย
เมื่อถามย้ำว่าการสมัครครั้งนี้ได้เปรียบผู้สมัครคนอื่น ๆหรือไม่ โดยเฉพาะคนใน กกต.ด้วยกัน นายสมชัย กล่าวว่า อยู่ที่จะมอง ตนไม่ได้มองหรือคิดเรื่องนี้ มองแต่ทางออกของชีวิตและทางออกของบ้านเมือง ซึ่งทางออกนั้นจะเป็นอย่างไร กกต.อีก 4 คนจะตัดสินใจ .-สำนักข่าวไทย