สน.คันนายาว 5 ต.ค.- ตำรวจเอาผิดหนุ่มกระทืบเด็ก 7 ขวบ ที่บ้านเอื้ออาทรปัญญารามอินทรา ในข้อหาทำร้ายร่างกาย ด้านพ่อเหยื่อเผยอโหสิกรรมให้ทุกอย่าง
พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผู้กำกับการ สน.คันนายาว นำตัวนายอำนาจ(สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี บิดาของเด็กชายวัย 4 ขวบ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายเด็กชายวัย 7 ขวบ ภายในโครงการบ้านเอื้อทรปัญญารามอินทรา พร้อมด้วยพ่อของผู้เสียหายแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ที่ห้องประชุม ชั้น 2 สน.คันนายาว
โดย พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวว่า จากหลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายผู้เสียหายนำมาแจ้งความและเจ้าหน้าที่ได้ทำการสอบสวน พบว่าผู้ต้องหามีความผิดจริง จึงได้ดำเนินการเอาผิดในข้อหาทำร้ายร่างกาย ด้วยการกระทำที่ทารุณโหดร้ายมีโทษจำคุก 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ไว้ก่อน ซึ่งหลังเจ้าหน้าที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ส่งตัวเด็กเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลตำรวจ และแพทย์พิสูจน์พบว่า อาการหนัก ก็อาจต้องเพิ่มโทษมากขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของนายอำนาจ ผู้ต้องหา ที่ได้แจ้งความเอาผิดเด็กวัย 7 ขวบ โดยอ้างว่าทำร้ายร่างกายลูกของตนนั้น เบื้องต้น ตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม. ได้นำเด็กทั้ง 2 คน ไปสอบปากคำกับนักสหวิชาชีพ ที่สำนักงานอัยการมีนบุรี แต่ในทางกฎหมาย สำหรับคดีเด็กทำร้ายเด็กที่ผู้กระทำผิดอายุไม่เกิน 10 ปี ไม่จำเป็นต้องรับโทษ แต่จะต้องนำตัวเด็กไปตรวจร่างกายโดยละเอียดต่อไป
ขณะที่นายอำนาจ ผู้ต้องหา เปิดเผยด้วยใบหน้าสงบนิ่งว่า ขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมรับผิดทุกอย่าง ที่ทำไป เพราะรักลูกมาก และยืนยันขณะทำร้ายเด็กตนไม่ได้ดื่มสุรา แต่ที่ผ่านมาลูกมักมาฟ้องว่าถูกเด็กชายคนดังกล่าวแกล้ง ตี บ่อยๆ พอได้ยินเสียงลูกร้องเสียงดังคิดว่าลูกคงเจ็บ ซึ่งขณะนั้นเก็บรถเสร็จ และกำลังเดินชึ้นบนชั้นสอง จึงเป็นห่วงและโมโหมาก เลยรีบหันหลังวิ่งลงมาทำร้ายเด็กชาย ตามภาพที่ปรากฏในคลิป และเหตุที่ต้องแจ้งความกลับเพราะลูกชายตนบอกว่าถูกเด็กชายวัย 7 ขวบโยนลงกับพื้นและมีรอยถลอกที่ท้ายทอย
ด้านพ่อของเด็กชาย 7 ขวบที่ถูกทำร้าย บอกว่า เข้าใจว่ารักลูกแต่ถ้ามีคนมาทำแบบนี้กลับลูกตนจะทำอย่างไร ยกโทษอโหสิกรรมให้ ขอให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกชายตนเป็นอุทาหรณ์และขออย่าให้เกิดกับใครอีก
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุ นายอำนาจ พาลูกชายหนีออกจากห้องพัก ไปอาศัยนอนตามปั๊ม เพราะกลัวชาวบ้านจะมาทำร้ายตนและลูกเรื่องนี้ ทาง พม.จะเจรจากับพ่อเด็กเพื่อรับไปดูแลยังสถานที่ที่เตรียมไว้ให้ เพื่อเด็กจะได้ไม่ต้องลำบาก และจะลงพื้นที่พูดคุยกับทั้ง 2 ครอบครัวและคนในชุมชน สร้างความเข้าใจร่วมกัน เพราะทุกคนต่างบอบช้ำกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.-สำนักข่าวไทย