แท็กซี่สวมทะเบียน ตอน 3

กรุงเทพฯ 25 ก.พ.-หลังจากสำนักข่าวไทยได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายว่า ถูกแท็กซี่สวมทะเบียนขับรถชนแล้วหนี 4 เดือนคู่กรณีหนีหาย ล่าสุด พบว่าคู่กรณีตายแล้ว แต่ประเด็นการสวมทะเบียนก็ยังไม่จบ ทีมข่าวได้สอบถามเรื่องดังกล่าวจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งรับว่ามีปัญหานี้จริง


หลังได้รับการร้องเรียนจากนายชาญชัย และอดุลย์ 2 ผู้เสียหาย ถูกแท็กซี่สวมทะเบียนชนแล้วหนี และพบว่าคู่กรณีเสียชีวิตแล้วเมื่อปลายปีที่ผ่านมา แต่ตำรวจกองปราบปรามพบว่า รถแท็กซี่ต้องคู่กรณีของผู้เสียหายอาจเป็นรถบ้านที่ถูกนำมาตกแต่งเป็นแท็กซี่ มีลูกสาวผู้ตายเป็นผู้ครอบครอง เพราะเลขทะเบียน รุ่นและยี่ห้อเหมือนกัน แต่ต่างกันที่หมวดอักษร แต่เจ้าตัวอ้างรถแท็กซี่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังพ่อตาย รถอยู่ต่างจังหวัดกำลังแปรสภาพเป็นรถบ้านตามกฎข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก


ขนส่งทางบกยอมรับว่า คดีนี้เจ้าของป้ายทะเบียนตัวจริงได้โทรศัพท์เข้ามาร้องเรียนและขอคำปรึกษากับเจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางบก เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับเจ้าของรถแท็กซี่ป้ายเหมือนตามกฎหมาย แต่ในกรณีนี้ไม่ใช่การสวมทะเบียนตามที่ผู้เสียหายเข้าใจ กลับเป็นการนำป้ายทะเบียนจากรถอีกคันซึ่งเป็นรถถูกต้อง มาใส่รถอีกคัน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “รถคู่แฝด”

 


ปัญหาแท็กซี่คู่แฝดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ กรมการขนส่งทางบกยอมรับว่า ปัจจัยหลักเกิดจากแท็กซี่รุ่นเก่าจดทะเบียนในปี 52 หมดอายุการใช้งานกว่า 30,000 คัน รถเหล่านี้ต้องแปรสภาพเป็นรถบ้าน แต่เจ้าของรถอาจประสบปัญหาการเงิน ไม่สามารถซื้อรถใหม่ได้ เมื่อรถเก่าหมดอายุออกรับผู้โดยสารไม่ได้ เพราะปั๊มน้ำมันและปั๊มแก๊สจะปฏิเสธการเติมเชื้อเพลิงให้ หลายคนจึงใช้วิธีการทำรถคู่แฝดขึ้นมา เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เข้าปั๊มเติมเชื้อเพลิง ออกหาเงิน แต่สิ่งที่อาจเกิดขึ้นและเป็นปัญหาตามมาคือ อุบัติเหตุ เพราะรถเหล่านี้ไม่มี พ.ร.บ.และประกันภัย กระทบผู้โดยสารโดยตรง

    

ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจการขนส่งทางบกระบุว่า ปัญหาแท็กซี่คู่แฝดและแท็กซี่หมดอายุเป็นปัญหาใหญ่ ที่ต้องแก้ไขเพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ แต่ด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีอยู่เพียง 80 นาย จึงยากที่จะให้ปัญหาหมดไปในระยะเวลาอันสั้น ดังนั้น ประชาชนและกลุ่มแท็กซี่ต้องช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง แจ้งเบาะแสรถเหล่านี้ต่อขนส่งผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 1584 หรือแจ้งตำรวจจราจรช่วยสกัดจับ  พร้อมเตือนเจ้าของรถหมดอายุและแท็กซี่คู่แฝดหยุดวิ่งทันที หากฝ่าฝืนตรวจเจอโดนปรับหนักและถูกดำเนินคดีอาญา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ยิงสส.กัมพูชา

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” ดับกลางกรุงเทพฯ

ออกหมายจับชายไทย วัย 41 มือยิง ‘ลิม กิมยา” อดีต สส.ฝ่ายค้านกัมพูชา ดับใกล้วัดดังกลางกรุง พบเหยื่อมีบทบาทในการตรวจสอบรัฐบาลฮุนเซน

ครม.เห็นชอบร่างกฎกระทรวงเพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม

ครม. เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดการประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา เพิ่มบุหรี่ไฟฟ้า-บารากู่ไฟฟ้า เป็นของต้องห้าม พร้อมกำหนดบทลงโทษหากพบเข้าไปข้องเกี่ยว

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา-วอศ.สระบุรี ชนะเลิศแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025

สุดเจ๋ง! นศ.วอศ.เสาวภา และ วอศ.สระบุรี ชนะเลิศในการแข่งขันแกะสลักหิมะนานาชาติ 2025 ณ เมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน

ข่าวแนะนำ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพร “ปีใหม่-วันเด็ก” ให้นายกฯ

“เด็ก-เยาวชน” ส่ง ส.ค.ส.อวยพรปีใหม่ 2568 – วันเด็ก ให้ “นายกฯ พี่อิ๊งค์” มีความสุข สุขภาพแข็งแรง ตั้งใจทำงานเพื่อบ้านเมือง อยู่คู่ตึกไทยคู่ฟ้า บริหารประเทศไปนานๆ พร้อมฝากความคิดถึง “อดีตนายกฯ ทักษิณ”

16 บอสดิไอคอน แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.

16 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป แถลงปฏิเสธทุกข้อหา ศาลนัดสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน 10 ก.พ.นี้ ขณะที่ “ทนายวิฑูรย์” เผย “บอสพอล-บอสกันต์” ดีใจ หลัง “แซม-มิน” ได้ปล่อยตัว ส่วนท่าทีทั้งคู่ดูสบายๆ ปกติ ล่าสุดมีรายงาน “บอสวิน” ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว อยู่ระหว่างรอผล

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน

ภรรยา “ลิม กิมยา” ให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน รวมถึงดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารและการติดต่อรับศพนายลิม ที่แผนกนิติเวช รพ.วชิรพยาบาล

บอสแซมมิน

ยังไม่จบ! “แซม-มิน” ลุ้น DSI เห็นแย้งอัยการหรือไม่

แม้อัยการสั่งไม่ฟ้อง “บอสแซม-บอสมิน” แต่ดีเอสไอย้ำชัด คดียังไม่จบ มีเวลาอีก 30 วัน พิจารณาสำนวนที่ถูกตีกลับว่าจะเห็นแย้งคำสั่งหรือไม่ ส่วนประเด็น “บอสมิน” ไม่ถูกตัดผมขณะถูกคุมขัง ราชทัณฑ์มีคำตอบให้แล้ว