กรุงเทพฯ 21 ก.พ.-คดี 2 นักเรียนชั้น ม.5 ใช้มีดฟันคอนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนคู่กรณีเสียชีวิตขณะซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ เมื่อกลางดึกวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังก่อเหตุคนขี่จักรยานยนต์ถูกจับกุม ส่วนมือมีดหนีไปกบดานในภาคอีสาน กระทั่งสำนึกผิดจึงเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา วันนี้ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาตินำทีมลงพื้นที่ค้นหาอาวุธที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ
จากกรณี 2 คนร้าย ซึ่งเป็นนักเรียนชั้น ม.5 โรงเรียนใน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ใช้มีดฟันคอนักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนใน อ.เมืองสมุทรปราการ เสียชีวิตขณะซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ ส่วนเพื่อน 2 คนได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบริเวณปากซอยหนามแดง-บางพลี 21 ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ กลางดึกวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังก่อเหตุคนขี่จักรยานยนต์ถูกจับกุมได้ ส่วนมือมีดอายุ 17 ปี หลบหนีไปกบดานในภาคอีสาน กระทั่งผ่านไป 5 วัน สำนึกผิด จึงเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองนครราชสีมา เย็นวานนี้ ตำรวจ สภ.บางแก้ว เดินทางไปรับตัวมาดำเนินคดีทันที
มีดดาบ 3 เล่ม และมีดขออีก 1 เล่ม ถูกพบวางอยู่บริเวณหลังพุ่มไม้ประดับริมถนนภายในซอยหนามแดง-บางพลี ห่างจากจุดเกิดเหตุราว 7 กิโลเมตร มีดดาบบางเล่มมีคราบเลือดติดอยู่ รอง ผบ.ตร.ระบุอาวุธที่คนร้ายใช้คือมีดดาบเล่มยาว ส่วนมีดดาบและมีดขออีก 3 เล่ม คาดเป็นของเพื่อนในกลุ่มอีก 5 คน ที่ก่อเหตุไล่ฟันนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผู้ตายอีกกลุ่มหนึ่งในคืนเดียวกัน เจ้าหน้าที่เร่งหาลายนิ้วมือแฝง
ชนวนเหตุการฆ่าโหดครั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากการเขม่นกันของ 2 โรงเรียน และก่อนหน้านี้ไม่นานกลุ่มผู้ตายพ่นสีสเปรย์สัญลักษณ์โรงเรียนของตนบริเวณตอม่อใต้สะพานทางด่วนกาญจาภิเษก ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ก่อเหตุไม่พอใจ จึงใช้สีสเปรย์ฉีดทับและโพสต์ภาพบนเฟซบุ๊ก และมีการพิมพ์ข้อความท้าทายกัน
พล.ต.อ.ดร.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เข้าพบผู้บริหารของทั้ง 2 โรงเรียน เร่งหามาตรการการป้องกันการลงมือล้างแค้น โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมที่ใกล้จะมาถึง โดยเตรียมนำนักเรียนกลุ่มเสี่ยงของทั้ง 2 แห่ง เข้าค่ายอบรมเยาวชนอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อละลายพฤติกรรมให้กลุ่มคนเหล่านี้นำพลังที่มีอยู่มาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม รวมถึงปลูกฝังค่านิยมความรักสถาบันในทางที่ถูกต้อง
นักเรียนกลุ่มเสี่ยงจาก 2 โรงเรียน รวม 60 คน จะต้องมาร่วมเข้าค่ายระหว่างเดือนเมษายนนี้ รวมเป็นเวลา 30 วัน ด้วยหวังว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของ 2 โรงเรียน พร้อมเตรียมยกเป็นโมเดลสำหรับโรงเรียนอื่นๆ ทั่วประเทศ.-สำนักข่าวไทย